ก.ล.ต. เผย IPO ปี 64 โต 52% สูงสุด 4 ปี มูลค่าลดเหลือ 1.37 แสนลบ.

HoonSmart.com>>ตลาดทุนไทยติดอันดับต้นๆในอาเซียน ปี 64 เสนอขาย IPO จำนวน 41 หลักทรัพย์ สูงสุดในรอบ 4 ปี เพิ่มขึ้น 52% จากปีก่อน ระดมทุนถึง 1.37 แสนล้านบาท แต่น้อยกว่าปีก่อนที่เสนอขาย 1.64 แสนล้านบาท ประมาณ 16.53% กลุ่มทรัพยากรเป็นแชมป์ 3 บริษัท มูลค่าการเสนอขายรวม 42.6% เผยมี 23 หลักทรัพย์รอการขาย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยฝ่ายจดทะเบียนหลักทรัพย์ 3 รายงานว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงวัคชีนได้มากขึ้น และภาคธุรกิจหลายแห่งเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ สะท้อนสภาวะเศรษฐกิจรวมถึงตลาดทุนของไทยที่เริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว เห็นได้จากจำนวนบริษัทที่ระดมทุนผ่านการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และบริษัทที่ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา

ในปี 2564 มีบริษัทที่ออก IPO มากถึง 41 หลักทรัพย์ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงสุดในรอบ 4 ปี และเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 ที่มีจำนวน 27 หลักทรัพย์ รวมทั้งบริษัทที่ยื่นคำขออนุญาตเสนอขาย IPO ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ก็พบว่ามีจำนวนเพิ่มเช่นกัน ซึ่งมี 45 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2564) เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีจำนวน 39 บริษัท แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของผู้ลงทุนที่มีสภาพคล่องส่วนเกินพร้อมที่จะลงทุน และยังแสดงให้เห็นมุมมองเชิงบวกของผู้ประกอบธุรกิจต่อเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย รวมทั้งเป็นสัญญาณว่าผู้ประกอบธุรกิจสามารถพึ่งพาตลาดทุนเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับเพิ่มสภาพคล่องและความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตได้

หากพิจารณาในด้านมูลค่าการเสนอขาย IPO ก็สูงถึง 137,273.66 แสนล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นรองเพียงแค่ประเทศอินโดนีเซียเท่านั้นที่ออก IPO มากถึง 41 หลักทรัพย์ และยังมีอีก 23 หลักทรัพย์ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคำขออนุญาต  หรือได้รับอนุญาตแล้วแต่ยังไม่ได้เสนอขาย IPO

ทั้งนี้ มูลค่าการเสนอขาย IPO ปีนี้เทียบกับ ปี 2563 ที่มีมูลค่า 164,455.74 ล้านบาท ลดลงจำนวน 27,182.08 ล้านบาทหรือ-16.53%  เพราะปีก่อนมีบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ได้แก่  บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น, บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง และ บริษัทศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) เป็นต้น

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของบริษัทที่เสนอขาย IPO พบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการระดมทุนสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร (จำนวน 3 บริษัท, คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวม 42.6%) กลุ่มธุรกิจการเงิน (จำนวน 3 บริษัท, 29.1%) และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (จำนวน 11 บริษัท, 12.3%) ตามลำดับ

ในช่วงปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ส่งผลให้หลายบริษัทมองถึงการกลับมาฟื้นตัวของอุปสงค์ระยะยาวในอนาคต เช่น อุปสงค์ความต้องการด้านพลังงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ]จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาขยายตัวและการขนส่งและเดินทางที่เพิ่มขึ้น และเมื่อเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การจับจ่ายใช้สอยและการขยายตัวของสินเชื่อก็จะโต ตามไปด้วย

นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ยังส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป เช่น อุปสงค์ของที่อยู่อาศัย ในแนวราบที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงการระบาดของโรค  ผู้อยู่อาศัยจะใช้เวลาเฉลี่ยต่อวัน ในการอยู่บ้านมากขึ้นจากแนวโน้มการทำงานจากที่บ้าน (work from home) ซึ่งที่อยู่อาศัยแนบราบแบบบ้านเดี่ยวหรือทาวน์โฮมสามารถตอบโจทย์ในเรื่องพื้นใช้สอยของผู้อยู่อาศัยได้มากกว่า

สถานการณ์ IPO ในปี 2564 สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดทุนของประเทศไทยเป็นแหล่งระดมทุนรูปแบบหนึ่งที่มีประสิทธิภาพและโดดเด่นในสายตาของนักลงทุน และ ก.ล.ต. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตลาดทุนให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงได้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ภาคธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป