GLOCON เคาะจ่าย 590 ลบ. ซื้อหุ้น 70% กิจการ “ลูกชิ้นทิพย์-ลูกชิ้น PSM”

HoonSmart.com>> บอร์ด “โกลบอล คอนซูเมอร์” ไฟเขียวเซ็นสัญญาซื้อหุ้น “พงษ์ศรา-แมนูแฟคเจอริ่ง และพงษ์ศรา ดิสทริบิวชั่น” สัดส่วน 70% ดำเนินธุรกิจ “ลูกชิ้นทิพย์ ลูกชิ้นหมู ไส้กรอก” ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 590 ล้านบาท หวังขยายสินค้าให้หลากหลาย เพิ่มมูลค่าธุรกิจ ความสามารถแข่งขัน คาดโอนกรรมสิทธิ์จบภายใน 28 ก.พ.65 พร้อมรับรู้รายได้ทันที

หลุยส์ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร (3 จากซ้าย) และนพพร ภัทรรุจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (2 จากซ้าย) ร่วมลงนามในสัญญาซื้อหุ้นสามัญ บริษัท พงษ์-ศรา แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (PSM) และบริษัท พงษ์-ศรา ดิสทริบิวชั่น จำกัด (PSD) ผู้ผลิตและจำหน่ายลูกชิ้นเบอร์ 1 ของเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ “ลูกชิ้นทิพย์” ในสัดส่วน 70% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด กับ พงษ์ศักดิ์ พรอำนวย ประธานกรรมการ PSM ( 2 จากขวา) และศราลี พรอำนวย ประธานกรรมการ PSD (3 จากขวา) โดยมีทีมผู้บริหารร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อเร็วๆนี้ คาดดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์หุ้นทั้งหมดแล้วเสร็จภายในวันที่ 28 ก.พ.65

บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ (GLOCON) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2564 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนซื้อ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท พงษ์ศรา-แมนูแฟคเจอริ่ง   (PSM) และบริษัท พงษ์ศรา ดิสทริบิวชั่น  (PSD) รวมถึงการเข้าลงนามในสัญญาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 28 ธ.ค.2564 ใช้เงินลงทุนรวมไม่เกิน 590 ล้านบาท โดยซื้อจากบริษัท เฟย์สมิท คอมเมอเชียล   (Faysmith) และบริษัท ลี แอนด์ แอสโซซิเอทส์   (L&A)  ในสัดส่วน 70% ของ PSM และ PSD ซึ่งทั้งสองบริษัทไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ

บริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้น  PSM ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสุกร เนื้อไก่ผลิตภัณฑ์ของ PSM ได้แก่ ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเอ็น ไส้กรอก น้ำจิ้มลูกชิ้น โดยบริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้น PSM จำนวนรวม 1,050,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยซื้อหุ้นจาก Faysmith จำนวน 735,000 หุ้น และซื้อหุ้นจาก L&A จำนวน 315,000 หุ้น รวม 70%

นอกจากนี้บริษัทฯจะเข้าซื้อหุ้นสามัญ PSD ประกอบกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสุกร เนื้อไก่ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ลูกชิ้นทิพย์” ผลิตภัณฑ์ของ PSD ได้แก่ ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเอ็น ไส้กรอก น้ำจิ้มลูกชิ้น โดยบริษัทฯ จะเข้าซื้อหุ้น PSD จำนวนรวม 105,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท โดยซื้อหุ้นจาก Faysmith จำนวน 73,500 หุ้น และซื้อหุ้นจาก L&A จำนวน 31,500 หุ้น รวม 70%

ทั้งนี้ จะดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์หุ้น PSM และ PSD เมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนการทำรายการที่ระบุในสัญญาซื้อขายหรือสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ
ขายครั้งนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล

คณะกรรมการบริษัทฯ มีความเห็นว่าการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ PSM และ PSD ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าเพื่อการบริโภคที่ลูกจักกันในชื่อของ “ลูกชิ้นทิพย์” มีความสอดคล้องกับอุตสาหกรรม และแผนธุรกิจของบริษัทฯ ที่ต้องการจะขยายสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น

การเข้าลงทุนในครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ รับรู้รายได้ของทั้งสองบริษัทได้ทันที ขณะที่ PSM และ PSD มีอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิในอดีตที่ดี ดังนั้นหากธุรกิจของ PSM และ PSD ดำเนินการภายใต้สภาวะปกติโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือมีผลกระอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรวมกับการบริหารจัดการในด้านต้นทุนการผลิตที่สามารถประหยัดขึ้นได้ เช่น บรรจุภัณฑ์ของสินค้า ที่บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอยู่แล้ว หรือเครื่องจักรบางอย่างที่ยังไม่เต็มกำลังการผลิต สามารถนำมาผลิตได้เต็มกำลังมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯมีอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิที่เติบโตดีขึ้น

บริษัทฯจะได้รับผลประโยชน์จากการมีผลิตภัณฑ์สินค้าเพื่อการบริโภคที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้ง ลูกชิ้นทิพย์ เป็นสินค้าที่เป็นที่ยอมรับ และรู้จักในตลาดผู้บริโภคลูกชิ้นในลำดับต้นๆ มีชื่อเสียงมายาวนาน เมื่อบวกกับการที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้านอาหารอยู่แล้ว จะทำให้บริษัทฯสามารถนำผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นมาต่อยอดการแข่งขันในธุรกิจ ทั้งในแง่ของช่องทางการจำหน่าย และการเพิ่มทางเลือกเมนูอาหารให้แก่ผู้บริโภคได้มากขึ้น

การเข้าลงทุนในหุ้นของทั้งสองบริษัทนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าของธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทฯ ได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต เนื่องจากจะมีการเสริมจุดแข็ง ความชำนาญในส่วนที่ต่างฝ่ายต่างมีความชำนาญให้แก่กัน เพื่อพัฒนายอดขายให้เติบโตมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ธุรกิจดังกล่าวจะสร้างอัตราผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้ดีในอนาคต

สำหรับแหล่งเงินทุนในการซื้อหุ้นจะมาจากแหล่งเงิน 3 ส่วน คือ 1.เงินเพิ่มทุนนวนประมาณ 381 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2564 (กำหนดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 4-10 ม.ค.2565)

2. เงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2564 เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนส่วนที่ยังขาดจากการระดมทุนด้วยวิธี RO โดยคาดว่าจะได้เงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ก่อนสิ้นเดือนก.พ.2565 ประมาณ 250 ล้านบาท

3. หากในกรณีที่เงินที่ได้รับจากข้อ 1 และ 2 ไม่เพียงพอ บริษัทฯยังมีเงินสดคงเหลือของบริษัทฯ (ตามที่ปรากฏในงบการเงินสอบทานของบริษัทฯ ณ 30 ก.ย.2564) ประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ลงทุนได้