“คิงส์ฟอร์ด” คาดแนวโน้มหุ้นเคลื่อนไหวกรอบ 1,620-1,650 จุด

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มหุ้นวันนี้แนวต้าน 1,650 จุด แนวรับแรก 1,630 จุด รอประเมินความเสี่ยงโอมิครอน ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนี S&P500 ทำจุดสูงสุดใหม่ แรงหนุนหุ้นกลุ่มเทคฯ และกลุ่มพลังงาน ส่วนหุ้นหุ้นแนะนำวันนี้ XO-WORK

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด คาดดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,625 – 1,630 จุด แนวต้าน 1,650 จุด รอประเมินความเสี่ยงการระบาด Omicron ในประเทศ แนะนำซื้อ KBANK, SCB, TTB/ PTT, PTTEP, OR/ ADVANC, INTUCH/ CK, STEC, SEAFCO , เก็งกำไรระยะสั้น ASIAN, AUCT,BAM

สำหรับดัชนี SET วานนี้ปิด -0.04% ปริมาณการซื้อขายลดลงอยู่ที่ 5.14 หมื่นล้านบาท สถาบันขาย 1.89 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อ 1.4 พันล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว -1.51%, ค้าปลีก -0.93%, ขนส่ง -0.52% นักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงก่อนหยุดเทศกาลปีใหม่ และรอประเมินการระบาด Omicron ในประเทศ

วานนี้ สธ.รายงานผู้ติดเชื้อ Omicron เพิ่มเป็น 514 ราย โดย 2/3 เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ, 1/3 เป็นผู้สัมผัสผู้เดินทาง และพบเพียง 29% มีอาการไข้ โดย สธ.คาดการณ์กรณีดีสุดอาจพบผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 1 หมื่นราย/วัน เสียชีวิต 40 – 60 ราย/วัน และกรณีแย่สุดผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 3 หมื่นราย/วัน, เสียชีวิต 170 – 180 ราย/วัน ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวได้ใน Q1/65 สถาบันจึงเลือกชะลอตการลงทุน กอปรกับปีหน้ากองทุน LTF ครบกำหนด 7 ปี จะสามารถไถ่ถอนได้ ซึ่งคาดอาจมีแรงขายใน ม.ค. นี้ราว 2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้กองทุนต้องสำรองเงินสด

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.98%,S&P500 +1.38%, Nasdaq +1.39% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน หลังข้อมูลวิจัยของอังกฤษ, สก็อตแลนด์, แอฟริกาใต้เผยผู้ติดเชื้อ Omicron มีอาการรุนแรงน้อยกว่า Delta ดัชนีหุ้นสหรัฐยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ 1 พ.ย. – 24 ธ.ค. เพิ่มขึ้น +8.50% โดยยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง +11%

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.62% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี, บริการสุขภาพและก่อสร้าง หุ้นโรช +0.90% รับข่าวองค์กรอาหารและยาสวิตเซอร์แลนด์อนุมัติใช้ยา Ronapreveเป็นแอนติบอดี้รักษา Covid-19 และ FDA สหรัฐอนุมัติใช้ชุดตรวจ Covid

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ XO (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Consensus 22.60 บาท) คาดแนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 ได้ปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อกลุ่มซอสพริกและซอสปรุงอาหารที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหา Supply Chain บรรจุภัณฑ์มีทิศทางคลี่คลายลง ด้านผู้บริหารวางเป้ารายได้ปี 65 เติบโต 10-15% จากการจ่ายค่าแรกเข้า (Listing fee) ให้กับ Distributor เพื่อนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายใน Supermarket ใหญ่ๆ และมีแผนกลับไปออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ พร้อมผลักดันสินค้ากลุ่มซอสที่มี margin สูงที่สุด และพัฒนารสชาติใหม่ๆ ออกจำหน่ายในช่วง 1H65 รวมถึงมีแผนขยายกำลังการผลิตราว 40-50% ในปี 65

หุ้น WORK (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 27.88 บาท) กำไรสุทธิงวด 3Q64 อยู่ที่ 70 ล้านบาท (-8.1%YoY, -54.8%QoQ) หดตัวตามการลดลงของรายได้ (1.ด้านโฆษณา เม็ดเงินถูกระทบจาก Covid-19 และ 2.ด้าน Event ต่างๆอย่าง งานละครเวที/Concert ไม่มีการจัดแสดงจากม.การควบคุม) อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วง 4Q64 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของรายได้โดยเฉพาะฝั่งรายได้จากการโฆษณาหลังสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ งานละครเวที/Concert น่าจะสามารถกลับมาจัดงานได้อีกครั้งหลังรัฐฯออกม.ผ่อนคลายการควบคุมโรค ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี64 และ ปี65 จะขยายต่อเนื่องจากปี 63 ที่ 0.36 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.87 บาท/หุ้น, และ 1.07 บาท/หุ้น ตามลำดับ