หุ้นท่องเที่ยวไม่ตื่นข่าวปิดรับต่างปท. ค้าปลีกยิ้ม ของขวัญปี’65

HoonSmart.com>> ศบค.สั่งปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ กดดันหุ้นท่องเที่ยว-บริการ บล.โนมูระฯเตือนอย่าตกใจ หุ้นลงไปรับรู้ข่าวลบแล้ว รอสัญญาณฟื้นตัว ครม.แจกของขวัญ ปี 65 กันถ้วนหน้า หนุนเศรษฐกิจไตรมาส 1  โตเพิ่ม 0.7% ดีต่อกลุ่มค้าปลีก เตือนราคากลุ่มไอทีวิ่งล้ำหน้า “ทิสโก้” มองโลกปี 65 เผชิญ 3 ปัจจัยเสี่ยง ฉุดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน 5% ไตรมาส 1  ด้านหุ้นไทย 21 ธ.ค.ฟื้นปิดบวก 6.45 จุด AOT ติดลบแค่ 0.25 บาท 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.นัดพิเศษบ่ายวันที่ 21 ธ.ค.2564 มีคำสั่งให้ยกเลิกการใช้มาตรการ Test&Go โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป หลังจากพบผู้ที่เดินทางเข้ามาติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นจำนวนมาก จากนี้ผู้ที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยจะต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวเพื่อรอยืนยันผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ส่วนผู้อยู่ระหว่างการเดินทางเข้ามาในขณะนี้ (กลุ่มค้างท่อ)จะมีการปรับมาตรการให้เหมาะสม

ทั้งนี้ ศบค.จะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 4 ม.ค.2565 เพื่อปรับมาตรการต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝ่ายแพทย์เชื่อว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบและรับทราบมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 65  คาดเศรษฐกิจไตรมาส 1/65เพิ่มขึ้นอีก 0.7%  โดยแบ่งมาตรการเพิ่มกำลังซื้อ  2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการช้อปดีมีคืน ปี 2565 ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.65 ไม่รวมบางรายการ 2.มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และการจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% (เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน) สำหรับที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินไม่เกิน 3 ล้านบาท มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2565

ส่วนมาตรการลดภาระผู้ประกอบการและ/หรือประชาชน มี 3 มาตรการ อาทิลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นที่ใช้บินในประเทศเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.65 เพื่อช่วยเหลือธุรกิจสายการบิน มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ขยายออกไปอีก 5 ปี จากเดิมสิ้นสุดสิ้นปี 64 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2569

สำหรับมาตรการการเงิน โครงการของขวัญปีใหม่ปี 65 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การคืนเงินลูกหนี้ธนาคารที่มีประวัติการชำระดี การยกเว้นค่าธรรมเนียมนิติกรรมสัญญาและค่าประเมินหลักประกันส่วนลดค่าบริการและค่างวดสำหรับการค้ำประกันสินเชื่อ เป็นต้น ทั้งนี้ คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 25,000 ล้านบาท การคืนเงินและรางวัลพิเศษรวม 1,335 ล้านบาท การลดอัตราดอกเบี้ยรวม 4,700 ล้านบาท ส่วนลดค่าบริการและส่วนลดค่างวดสูงสุด รวม 7.43 ล้านบาท

รมว.คลัง ยังกล่าวถึงโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.64 จะไม่มีการขยายระยะเวลาออกไป จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังมีสิทธิคงเหลืออยู่เร่งออกมาใช้จ่าย อย่างไรก็ตามคลังอยู่ระหว่างศึกษาและพัฒนาระบบ ปรับปรุงรูปแบบที่เหมาะสมคาดว่าจะสามารถเริ่มโครงการใหม่ได้ในช่วงเดือน มี.ค.65

บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดมาตรการนักท่องเที่ยวจะส่งผลให้ยอดการจองที่พักและตั๋วโดยสารที่เริ่มฟื้นตัวอ่อนแอลงในระยะสั้น ถือเป็น Sentiment เชิงลบต่อกลุ่ม แต่ Downside จะไม่เปิดกว้าง เพราะราคาหุ้นส่วนใหญ่พักฐานลงมารับความกังวลแล้วพอควร

ทั้งนี้แนะนำให้ติดตามจุดเปลี่ยน 1. พัฒนาการของวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับโอมิครอน 2.การฉีดวัคซีนเข็ม 3 ไปแล้วเกินกว่า 50% 3.พัฒนาการของยารักษาโรคโควิด-19 โดยอังกฤษและยุโรปกำลังเร่งฉีดเข็ม 3 หากระดับเกินกว่า 40% มองว่าเป็นรอบของการกลับเข้าไปสะสมอีกครั้ง

ส่วนของขวัญที่รัฐบาลแจกให้ประชาชนนั้น ในอดีตจะเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ผู้ขายสินค้าไอที ร้านอาหาร และของใช้ในบ้านเช่น เฟอร์นิเจอร์ แต่ราคาหุ้นบางกลุ่ม เช่น สินค้าไอที ขึ้นมารอแล้วล่วงหน้า จึงแนะนำให้ระมัดระวังแรง Sell on fact ในระยะสั้น

บล.ไทยพาณิชย์คาดในช่วงสั้น หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวจะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความกังวลเรื่องการระบาดของโอมิครอน ประเด็นบวกต่อกลุ่มที่มีความกังวลการระบาดลดลง ทั้งนี้ยังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 3 แสนคนในปี 2564 และ 8 ล้านคนในปี 2565

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในปี 2565 มองปัจจัยเสี่ยงที่จะกดดันเศรษฐกิจทั่วโลกมี 3 ปัจจัย คือ 1. ไวรัสโควิด–19 ยังคงระบาดต่อเนื่องและยืดเยื้อ 2. เงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูงตลอดทั้งปี  3. นโยบายการเงินที่เข้มงวด คาดเฟดน่าจะยุตินโยบายการเงินเชิงผ่อนคลาย (QE) ในไตรมาส 1/2565 และอาจเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในทันทีที่ QE ยุติลง

ทั้งนี้สภาพคล่องที่ลดลงและดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นชัดเจน จะเป็นปัจจัยกดดันต่อมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้น ทำให้ไตรมาส 1 จะเป็นช่วงที่เสี่ยงที่สุดในปี 2565  คาดตลาดหุ้นทั่วโลกอาจปรับฐานประมาณ 5% แต่ยังคาดว่าสิ้นปี 2565 ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกตามการขยายตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ตลาดหุ้นวันที่ 21 ธ.ค. ฟื้นตามต่างประเทศ ดัชนีปิดที่ 1,622.25  จุด เพิ่มขึ้น 6.45 จุดหรือ+0.40% มูลค่าการซื้อขาย 69,244.56  ล้านบาท  มีแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่เช่น กลุ่มธนาคาร ส่วนหุ้น AOT กลับปิดที่ 59.25  บาทลดลง 0.25 บาท  ไม่ตื่นตกใจข่าวการปิดรับนักท่องเที่ยว