ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส หรือ ASP รายงานผลการประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ของบริษัทจดทะเบียน หลังจากที่แจ้งงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2561 โดยมี 30 บจ.ที่ถูกลดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2561 และมี 10 บจ.ที่ถูกเพิ่มประมาณการกำไร (จากทั้งหมดกว่า 240 บจ. ที่ฝ่ายวิจัย ASP ศึกษา)
JMART ถูกปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลงมากสุดถึง -97.9% รองลงมาคือ VNG -89.3% ตามด้วย TPIPL -87.8%, TRUE -53.3% และ ITD -48.1%
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัย ASP ยังอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการกำไรสุทธิปี 2561-2562 ใหม่
ภาพรวมกำไรของบจ.ในครึ่งแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 5.5 แสนล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อน คิดเป็น 50% ของประมาณการกำไรทั้งปี ที่ฝ่ายวิจัย ASP ประเมินไว้ที่ 1.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS 110.78 บาทต่อหุ้น
“แต่จากการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ ของฝ่ายวิจัยฯ พบว่า มีการปรับเปลี่ยนประมาณการกำไรหลายบจ. โดยในเบื้องต้น พบว่ากำไรสุทธิปี 2561 ลดลงราว 2.6 หมื่นล้านบาท หรือ 2.4% จากประมาณการเดิม ส่วนใหญ่มาจากรายการพิเศษ”
ค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/2561 เช่น การด้อยค่าโครงข่ายโทรศัพท์บ้านและโครงข่ายที่ล้าสมัยของ TRUE กว่า 1.4 หมื่นล้านบาท, ค่าใช้จ่ายความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังของ GGC กว่า 2 พันล้านบาท, ค่าใช้จ่ายพิเศษของ TU กว่า 1.5 พันล้านบาท
กำไรดำเนินงานครึ่งปีหลัง มีโอกาสต่ำกว่าประมาณการเดิม เช่น IRPC มีแผน shutdown ที่ไม่ได้รวมไว้ในประมาณการเดิม, MIN ปรับลดสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม-บริษัทย่อย, CK มีความล่าช้าการเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ส่งผลให้ปรับลดประมาณการรายได้ก่อสร้างลง
SYNTEC ปรับลด Gross margin และกำไรพิเศษลง, TVO ราคากากถั่วเหลืองลดลง ประมาณการยอดขายลดลง, TPIPP เลื่อน COD โรงไฟฟ้า 2 โรง, BCPG ปรับลด Capacity Factor โครงการโซลาร์ในไทย และเลื่อน COD โครงการโซลาร์ญี่ปุ่น
ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ออกมาต่ำกว่าคาด หรือขาดทุน จึงต้องปรับประมาณการกำไรทั้งปี เช่น TPIPL, VNG, TASCO
ต้นทุนทางการเงินมีโอกาสเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วกว่ารายได้ เช่น GPSC มีภาระดอกเบี้ยจ่ายเงินกู้ระยะสั้นระดับสูงจากการเข้าซื้อ GLOW
พร้อมกันนี้ ประเมินว่า SET Index มีกรอบการปรับขึ้นจำกัด ส่วนหนึ่งมาจาก Fund Flow ยังไหลออก เบื้องต้นยังคงเป้าหมาย SET Index ปีนี้ที่ 1,662 จุดไว้ก่อน อิง P/E 15 เท่า