HoonSmart.com>>ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. มีมติอนุมัติแผนวิสาหกิจและงบลงทุน 5 ปี จำนวน 102,165 ล้านบาท ในธุรกิจหลัก เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน สร้างมูลค่าเพิ่มทาง พร้อมเตรียมงบลงทุนในอนาคต 5 ปีข้างหน้าอีกจำนวน 238,032 ล้านบาท
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. มีมติอนุมัติแผนวิสาหกิจและงบลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2565-2569) 102,165 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินลงทุนในหน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 45% ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 20% ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย 2% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ 8% และการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้นอยู่ 100% จำนวน 25%
ทั้งนี้ ปตท. พร้อมเดินหน้าลงทุนธุรกิจหลักในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8 ซึ่งนำก๊าซธรรมชาติเหลว (“LNG”) มาแยกเป็นผลิตภัณฑ์อีเทนและแอลพีจี รวมถึงถังเก็บผลิตภัณฑ์อีเทนและสถานีรับจ่ายเพื่อเพิ่มความสามารถในการนำเข้าผลิตภัณฑ์อีเทน
รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 ทั้งยังมีการลงทุนผ่านบริษัท ที่ ปตท. ถือหุ้น 100% อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีกจำนวน 238,032 ล้านบาท ตามกรอบวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต มุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาด ประกอบด้วย การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน โดยวางเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 12,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573
ในขณะเดียวกันได้มีโครงการลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ตลอดจนการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานเปลี่ยนผ่าน (Transition Fuel) โดยมุ่งเน้นในการขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของภาครัฐ) และการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมถึงขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากพลังงาน อาทิ ธุรกิจ Life science (ยา Nutrition อุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์) เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมถึงธุรกิจ โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน อีกด้วย
ในส่วนของการดำเนินงานเพื่อบรรเทาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากวิกฤตโควิด-19 กลุ่ม ปตท. ยังคงเดินหน้าโครงการต่อเนื่อง อาทิ โครงการ “Restart Thailand” ปีที่ 2 เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ เสริมทักษะและสร้างความมั่นคงทางอาชีพให้นักศึกษาจบใหม่และผู้ว่างงานรวมกว่า 23,000 อัตรา และร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านโครงการ Refresh and Energize for The New Normal โดย ปตท. จะช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนเพื่อให้พนักงานได้ใช้วันลาพักร้อนท่องเที่ยวในประเทศ ช่วยเสริมสภาพคล่องและกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค