AGE ส่งซิกยอดขายถ่านหิน Q4 พีค หนุนรายได้ปี 64 นิวไฮ

HoonSmart.com>> “เอเชีย กรีน เอนเนอจี” ส่งสัญญาณบวกไตรมาส 4 เข้าสู่ไฮซีซั่น รับอานิสงส์ความต้องการใช้ถ่านหินพุ่ง ธุรกิจขนส่งด้านโลจิสติกส์เติบโตหลังความต้องการขนส่งเพิ่มฉลุย ด้าน ผู้บริหาร “พนม ควรสถาพร” ย้ำผลงานปี 64 ทุบสถิติทำนิวไฮ คาดรายได้รวม แตะระดับ 12,000 ล้าน เดินหน้าขยายไลน์ธุรกิจให้บริการด้านการขนส่งสินค้าด้านการเกษตร – สินค้าอุตสาหกรรม หวังต่อยอดธุรกิจเทรดดิ้งและโลจิสติกส์ในอนาคต

พนม ควรสถาพร

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2564 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้ถ่านหินในต่างประเทศ ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีน ประกอบกับในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดถ่านหินทั่วโลก เนื่องจากต่างประเทศเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้มีการสต็อกเชื้อเพลิงถ่านหิน เพื่อใช้สำหรับผลิตไฟฟ้าสูง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความต้องการใช้ถ่านหินในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างชัดเจน

ขณะเดียวกันความต้องการใช้ถ่านหินในประเทศที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้คาดว่าภาพรวมของ AGE ในปี 2564 จะมียอดขายถ่านหินเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แตะที่ระดับ 5 ล้านตันได้อย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมีปริมาณการขายถ่านหินรวมอยู่ที่ 4.2 ล้านตันแล้ว และล่าสุด AGE เตรียมส่งมอบออเดอร์ตามคำสั่งซื้อให้ลูกค้าทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ จำนวน 2.2 แสนตัน ดังนั้นจึงมองว่ายอดขายถ่านหินในปีนี้ได้ตามเป้าที่บริษัทฯวางไว้

ทั้งนี้ นอกจากความโดดเด่นในธุรกิจจำหน่ายถ่านหินแล้ว บริษัทฯยังมุ่งขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้าให้ครบทุกมิติ เพื่อให้ภาพรวมธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งรายได้ที่จะมาจากการขายถ่านหิน และงานให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ส่งผลให้บริษัทฯคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวมแตะระดับ 12,000 ล้านบาท ซึ่งทะลุเป้ารายได้เดิมที่ตั้งไว้ 11,000 ล้านบาท

“บริษัทฯ มั่นใจว่าปีนี้การเติบโตของรายได้และยอดขายถ่านหิน จะสามารถทำได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน เพราะเมื่อพิจารณาจากตัวเลข 9 เดือนแรกของปี 64 ที่มีรายได้รวมจากธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจการให้บริการโลจิสติกส์ฯ 9,356.9 ล้านบาท และยอดถ่านหินรวมอยู่ที่ 4.2 ล้านตัน ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงเป้าหมาย บวกกับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ความต้องการใช้ถ่านหินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงเป้ามรายได้ทั้งปีที่บริษัทคาดการณ์ไว้”นายพนม กล่าว

ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงการขยายไลน์ในธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้การการจัดตั้ง 2 บริษัทย่อย อาทิ ธุรกิจจัดหาและส่งออก สินค้าทางการเกษตร และสินค้าสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ว่า บริษัทฯ เล็งเห็นช่องทางการตลาดด้านการส่งออกธุรกิจเทรดดิ้ง โดยเฉพาะภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรมเหล็ก เนื่องจากสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวมีความต้องการในประเทศจีนที่สูงมาก ดังนั้นมองว่าในเมื่อ AGE มีความเชี่ยวชาญธุรกิจเทรดดิ้ง (ถ่านหิน) เพื่อการส่งออก รวมถึงมีธุรกิจโลจิสติกส์ด้านการขนส่งที่ครบวงจร (ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า) จึงมองโอกาสเพื่อการขยายและต่อยอดธุรกิจเทรดดิ้ง สำหรับการส่งออกไปยังต่างประเทศ ผ่านช่องทางโลจิสติกส์ ที่มีอยู่ เพื่อสร้างสัดส่วนรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯในอนาคต

“ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมด้านบุคคลากร เพื่อรองรับการขยายการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าด้านการเกษตร – สินค้าสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม และอื่นๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร โดยการให้บริการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมแผนรองรับการขยายการลงทุนสร้างคลังสินค้าให้เช่าเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทยอยดำเนินการได้ในปี 2565 จากปัจจุบันที่มีคลังสินค้าที่ให้บริการอยู่แล้ว จำนวน 5 หลัง และท่าเรือ จำนวน 6 ท่า บนพื้นที่ทั้งหมด 31 ไร่ ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสามารถรองรับปริมาณการขนส่งผ่านท่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะสามารถขยายฐานกลุ่มลูกค้าด้านการขนส่งสินค้าได้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทสินค้าเกษตร ปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ย และแร่เหล็ก เป็นต้น ”นายพนม กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการให้บริการท่าเรือรองรับการขนส่ง จำนวน 6 ท่า เรือลำเลียง 36 ลำ รถบรรทุก 100 คัน และมีรถบรรทุกเป็นพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีก 400-500 คัน รวมถึงขยายกองเรือโดยการเช่าและการหากองเรือพันธมิตร Sub-contractor เพื่อเพิ่มปริมาณบรรทุกสินค้าเป็น 200,000 ตัน จากที่ปัจจุบัน AGE มีปริมาณการบรรทุกสินค้ารวมกว่า 100,000 ตัน ดังนั้นจึงมั่นใจว่าธุรกิจโลจิสติกส์จะทำรายได้ ในปีนี้ได้ถึง 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากภายในส่วนงาน และรายได้จากกลุ่มลูกค้าภายนอก จึงเป็นตัวเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี