“ยู ซิตี้” เพิ่มทุนจดทะเบียนก่อนรวมพาร์จากหุ้นละ 1 บาท เป็น 100 บาทและลดพาร์ใหม่เหลือหุ้นละ 3.20 บาท เพื่อล้างขาดทนสะสมของบริษัทฯ
บริษัท ยู ซิตี้ (U) แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2561 อนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียน, เพิ่มทุนและเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) โดยรวมหุ้นจากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 100 บาท เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการลดทุนจดทะเบียนโดยการลดพาร์ลงเหลือหุ้นละ 3.20 บาท เพื่อล้างขาดทุนสะสมจำนวน 905,495,477,409.60 บาท โดยเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2561 ในวันที่ 12 ต.ค.2561
ทั้งนี้ บริษัทจะลดทุนจดทะเบียน โดยตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่าย หลังจากนั้นจะเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 283 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,403,129,722,617 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 1,403,129,722,900 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 223 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท และหุ้นบุริมสิทธิเพิ่มทุนจำนวน 60 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ U-W1 ,U-W2 ,U-W3 และ U-W4
บริษัทฯ ได้จัดสรรหุ้นสามัญจำนวน 24 หุ้นและหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 60 ล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัดให้แก่น.ส.หัสยา นุ่น ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทหรือพนักงานคนอื่นของบริษัทฯ โดยการเพิ่มทุนไม่มีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน เนื่องจากบริษัทฯ เพิ่มทุนในจำนวนที่น้อยมาก
หลังจากนั้นบริษัทฯ จะเปลี่ยนแปลงพาร์โดยการรวมหุ้นจากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็นหุ้นละ 100 บาท ซึ่งส่งผลให้จำนวนหุ้นของบริษัทลดลงจำนวน 1,389,098,425,671 หุ้น จากเดิม 1,403,129,722,900 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท เป็นจำนวน 14,031,297,229 หุ้น พาร์หุ้นละ 100 บาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพาร์ดังกล่าวจะเป็นผลให้จำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ลดลงในอัตราส่วน 100 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ พร้อมทั้งจะปรับราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทภายใต้ข้อกำหนดสิทธิและเงื่อนไขของใบสำคัญแสดงสิทธิแต่ละรุ่น
บริษัทฯ จะลดทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 1,403,129,722,900 บาท เป็น 44,900,151,132.80 บาท และลดทุนจดทะเบียนชำระแล้วจากเดิม 935,429,212,200 บาท เป็น 29,933,734,790.40 บาท โดยการลดพาร์จาก 100 บาท/หุ้น เป็น 3.20 บาทต่อหุ้น เพื่อล้างผลขาดทุนสะสมจำนวน 905,495,477,409.60 บาท ซึ่งการลดทุนโดยการลดพาร์ครั้งนี้ จะไม่ส่งผลให้บริษัทต้องปรับราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท