ดาวโจนส์ปิดร่วง 320 จุดวิตกโอมิครอน จับตาเฟด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 320 จุด กลับมาวิตกผลกระทบจากไวรัสโอมิครอน ด้านสหราชอาณาจักรพบผู้เสียชีวิตรายแรก นักลงทุนจับตาการประชุมเฟด ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 13 ธันวาคม 2564 ปิดที่ 35,650.95 จุด ลดลง 320.04 จุด หรือ 0.89% นักลงทุนวิตกผลกระทบจากไวรัสกลายพันธุ์สายใหม่โอไมครอน และจับตาการประชุมของธนาคารกลาง (เฟด)

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,668.97 จุด ลดลง 43.05 จุด, -0.91%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,413.28 จุด ลดลง 217.32 จุด, -1.39%

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันแห่งสหราชอาณาจักรยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตรายแรกในประเทศจากไวรัสกลายพันธุ์สายใหม่โอไมครอน หลังจากที่ได้ใช้มาตรการรักษาระยะห่างอีกครั้งในสัปดาห์ก่อน ขณะที่มีหลายประเทศใช้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวดขึ้นเพื่อสกัดการแพร่กระจาย

กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจทั้งสายการบิน เดินเรือสำราญลดลง โดยหุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ลดลง 4.9%, หุ้นเดลตาแอร์ไลน์ลดลง 3.4% หุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์ลดลง lost 5.2% หุ้นคาร์นิวาล กรุ๊ปลดลง 4.9%

แต่หุ้นโมเดอร์นาเพิ่มขึ้น 5.8% หลังจากดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญโรคติดต่อและที่ปรึกษาทำเนียบขาวระบุว่า วัคซีนเข็มที่ 3 เพียงพอที่จะช่วยป้องกันอาการรุนแรง ด้านนักวิจัยแห่ง Sheba Medical Center และห้องปฏิบัติการ Central Virology Laboratory ของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลได้ข้อสรุปว่า วัคซีน 3 เข็ม ของไฟเซอร์-ไบออน เทค มีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายใหม่โอไมครอน หุ้นไฟเซอร์เพิ่ม 4.6%

จิม พอลสัน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์จาก Leuthold Group ระบุว่า ความกังวลของนักลงทุนมีหลายด้านตั้วแต่ตลาดที่ขึ้นไปสูงแล้วจนถึง ปัจจัยไวรัสกลายพันธุ์สายใหม่โอไมครอน และทิศทางนโยบายการเงินจากผลการประชุมของเฟดในสัปดาห์นี้

จากแนวโน้มที่ว่าเฟดจะเร่งปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น นักลงทุนจึงหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งหุ้นกลุ่ม defensive หุ้น large cap ในตลาดหุ้นเอง รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาล และเงินดอลลาร์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงและหลุดระดับ 1.5% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารอ่อนตัวลง โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.64% หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 1.19% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 3.29% หุ้นมอร์แกน สแตนเลย์ ลดลง 1.28% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 2.11%

เฟดเริ่มการประชุมในวันอังคารและจะแถลงผลการประชุมในวันพุธนี้ตามเวลาในสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเร่งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้น และส่งสัญญานการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982 ระดับราคาที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค กดดันให้เฟด ต้องดำเนินการ

ฟิล แบลงคาโต ซีอีโอของ นักวิเคราะห์จาก Ladenburg Thalmann Asset Managementกล่าวว่า เรากำลังเปลี่ยนผ่านจากภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากเฟด ไปสู่ภาวะที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น

นักลงทุนถือเงินสดมากขึ้นเพื่อรอการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินจากธนาคารกลางหลายประเทศทั้งธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางสหภาพยุโรปในสัปดาห์นี้

แต่เกรกอรี เพอร์ดอน จาก Arbuthnot Latham กล่าวว่า ตลาดยังคงปรับขึ้น แม้เฟดจะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวด ซึ่งสวนทางกับทฤษฎีที่ว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ตลาดหุ้นจะตก เพราะยังมีสภาพคล่องอีกมาก รวมทั้งความต้องการผลตอบแทนจากสินทรัพย์เสี่ยง ยกเว้นว่าผล

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นักลงทุนเกาะติดการประชุมของธนาคารกลางในประเทศหลัก

ที่มีขึ้นในสัปดาห์นี้ทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed) ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BoJ) ธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) และธนาคารกลางสหภาพยุโรป(ECB)

ในวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันแห่งสหราชอาณาจักรเตือนว่าอาจจะเกิดการติดเชื้อไวรัสโควิดระลอกใหม่ จากสายพันธุ์โอไมครอน และยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตรายแรกในประเทศจากไวรัสกลายพันธุ์สายใหม่โอไมครอน ขณะที่มีการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ประชากรผู้ใหญ่ทุกคนในประเทศ

เคล้าส์ บาเดอร์จาก Societe Generale Global คาดว่า เฟดจะเร่งลดการซื้อพันธบัตรและปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ส่วน ECB จะยังคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ส่วนธนาคารกลางอังกฤษจะรีรอในการคงอัตราดอกเบี้ย และบีโอเจจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนปรน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 473.53 จุด ลดลง 2.03 จุด, -0.43%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,231.44 จุด ลดลง 60.34 จุด, -0.83%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,942.91จุด ลดลง 48.77 จุด, -0.70%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,621.72 จุด ลดลง 1.59 จุด, -0.01%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 38 เซนต์ ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 76 เซนต์ ปิดที่ 74.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล