“คิงส์ฟอร์ด” มองตลาดรอเฟดสัปดาห์หน้าแนะหุ้น TACC-M

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” มองตลาดรอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐญ ยุโรป, ญี่ปุ่นสัปดหา์หน้า ด้านดัชนีใกล้แนวต้าน 1,620 – 1,630 จุด ติดวันหยุดยาว แนะขายทำกำไร 20% ของพอร์ต หุ้นแนะนำวันนี้ TACC-M

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด มองดัชนี SET ได้ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดราว +3.50% ใกล้แนวต้านบริเวณ 1,620 – 1,630 กอปรติดวันหยุดยาว แนะนำขายทำกำไรราว 20% ของพอร์ต ระหว่างรอผลการประชุม Fed, ECB, BOE ในสัปดาห์หน้า

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.10%, S&P500 +0.31%, Nasdaq +0.64% หลัง Pfizer-Biontech เผยบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3 สามารถต้านเชื้อ Omicron ได้ ส่งผลให้กลุ่มสายการบิน, ธุรกิจเรือสำราญ, โรงแรมปรับตัวขึ้น กลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจาก Apple +2.28% หลัง UBS แนะนำซื้อ และเมตา แพลทฟอร์ม (Facebook) } +2.40% ส่วนรายงานตัวเลขเปิดรับสมัครงาน ต.ค. เพิ่มขึ้น 11 ล้านตำแหน่ง สูงสุดเป็นอันดับ 2 ซึ่งเฟดใช้วัดภาวะตึงตัวตลาดแรงงาน

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.59% ถูกแรงขายจากกลุ่มเทคโนโลยี &สินค้าหรูหรา กังวลอังกฤษอาจมาตรการเข้มงวดขึ้นในสัปดาห์นี้ เพื่อควบคุมการระบาดของ Omicron

ส่วนสภาคองเกรสสหรัฐวานนี้ได้โหวตขยายเพดานหนี้สหรัฐ ส่งผลให้สามารถเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ทันในวันที่ 15 ธ.ค. นี้

ปัจจัยสำคัญวันศุกร์นี้ ติดตามดัชนี CPI สหรัฐ พ.ย. คาด +6.8% &ต.ค. +6.2% YoY ภาพรวมตลาดทุนมีโอกาสทรงตัวรอผลการประชุม Fed, ECB, BOE ในสัปดาห์หน้า

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TACC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.50 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 เติบโตขึ้นต่อเนื่อง QoQ. YoY ตามการบริโภคที่ฟื้นตัวหลังรัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์ ส่งผลให้คนเข้า 7-11 มากขึ้น โดยบริษัทออกเครื่องดื่มโถกดรสชาติใหม่ได้รับการตอบรับที่ดี และเตรียมวางขายสินค้าใหม่น้ำดื่มอัลคาไลน์ในช่วง ธ.ค. ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นยังสามารถบริหารจัดการได้ไม่กระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้น

ทั้งนี้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ในปี 65 โต 10-15%YoY หนุนจากสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลาย การขยายสาขาของ 7-11 ในต่างประเทศ และการขยายช่องทางการขายนอกร้าน 7-11 ส่วนผลิตภัณฑ์กัญชงคาดชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2Q65

หุ้น M (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 61.50 บาท) ผลการดำเนินงานงวด 3Q64 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ -257 ลบ. (พลิกขาดทุนจากกำไรสุทธิในช่วง 3Q63 ที่ 465 ล้านบาท และ ขาดทุนเพิ่มจาก 2Q64 ที่ -99 ล้านบาท) รับผลกระทบจากการปิดหน้าร้านตามม.ควบคุมโรค Covid-19 อย่างไรก็ตามคาดว่าไตรมาสที่ผ่านมาจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว และ 4Q64 จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ดีรับผลบวกจากสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ที่มีทิศทางดีขึ้นในประเทศ ส่งผลให้มีการผ่อนคลายม.ควบคุม

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคต่างๆของภาครัฐฯ ทั้งนี้ตลาดคาดปี64 EPS จะหดตัวแรงแต่ยังสามารถทำกำไรได้ที่ 0.02 บาท/หุ้น และในปี 65 จะสามารถฟื้นตัวได้ดีที่ 1.94 บาท/หุ้น ตามลำดับตามลำดับ