“คิงส์ฟอร์ด” คาดหุ้นฟื้นตัวต่อเนื่องทดสอบแนวต้าน 1,620 จุด

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ลุ้นดัชนียืนเหนือแนวรับ 1,595-1,600 จุด ทดสอบแนวต้าน 1,620 จุด แนะทยอยซื้อกลุ่มเปิดเมือง

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,595 – 1,600 จุด หากยืนได้แนะนำถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,620 รอผลการประชุมธนาคารกลางหลัก ๆ ในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Reopening เช่น KBANK, SCB, KTB, BAY / CPALL, CPN, CRC / BTS, BEM และ BLA(+ดอกเบี้ยขาขึ้น )

สำหรับดัชนี SET วานนี้ปิด +1.33% ปริมาณการซื้อขาย 7.4 หมื่นล้านบาท สถาบันซื้อ 2.94 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อ 165 ล้านบาท พอร์ตโบรกซื้อ 13 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากกลุ่มท่องเที่ยว +4.01%, ขนส่ง +3.17%, ธนาคาร +2.68% ซึ่งเป็นกลุ่มเปิดเศรษฐกิจ หลังข้อมูลอาการผู้ติดเชื้อ Omicron ไม่รุนแรงโดยนายก ฯ เผยสามารถควบคุมได้และไม่ใช้ มาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันและผู้เสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นนั้น นายก ฯ ให้ทุกกระทรวงนำเสนอในการประชุม ครม. 21 ธ.ค. นี้ แนวโน้มดัชนี SET คาดฟื้นตัวต่อจากโมเมนตัมเศรษฐกิจฟื้นตัว โดย FETCO คาด EPS ตลาดปี 65 +12% YoY

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ ASK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 48.00 บาท) บริษัทคงเป้าสินเชื่อสุทธิปี 64-65 เติบโต +20%YoY หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกทั้งใหม่และเก่า หลังผ่านช่วงที่ฐานต่ำในปี 63 และสัญญานบวกจากการเปิดประเทศ ในช่วง 4Q64 คาดทิศทางการปล่อยสินเชื่อยังโตต่อเนื่องจากช่วง High Season

นอกจากนี้ยังเริ่มขยายธุรกิจปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนมากขึ้น โดยมีเป้าหมาย 2.8 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 64 และจะเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาท ในปี 65 หนุนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

WHA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.15 บาท) รับ Setiment บวกจากความกังวลในเรื่องของการระบาด Covid-19 สายพันธ์ Omicron เริ่มน้อยลง ด้านการผ่อนคลายม.ควบคุมต่างๆในประเทศของไทยเองจากช่วง Q3 คาดว่าจะส่งผลให้การเจรจากับลูกค้าต่างชาติในแง่ของการขายที่กลับมาดำเนินได้ต่อเนื่อง (เป้าในปีนีที่ 820 ไร่) โดยเฉพาะช่วง Q4 เป็น High season อยู่แล้วและจะมีแรงหนุนจากการขายสินทรัพย์เข้า WHART (มูลค่า 5,550 ลบ.)

ด้านธุรกิจ Utility คาดว่า Q4 กลับสู่ปกติหลักจากที่ก่อนหน้านี้ โรงไฟฟ้า Gheco-one มีการปิดซ่อมบำรุง ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี64 และ ปี65 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 63 ที่ 0.17 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.18 บาท/หุ้น, และ 0.22 บาท/หุ้น ตามลำดับ