หุ้นโลกสดใส ไทยเด้งจำกัด ธุรกิจเปิดเมือง cover short

HoonSmart.com>> ตลาดทุนโลกหยุดตื่น”ไวรัสโอมิครอน” หุ้นไทยพุ่งตาม 1.33% หนุนดัชนี 1,609.28 จุด เงินบาทแข็งค่าปิดที่ 33.68/70 นายกฯ ย้ำไทยยังไม่มีล็อกดาวน์ บล.บัวหลวงคาดหุ้นใหญ่ฟื้นจำกัด แนะตัวกลางที่มีข่าวหนุน  MINT เล่นรีบาวด์จาก cover short คาดตลาดเดือนธ.ค.แกว่งไม่เกิน 1,660 จุด บล.หยวนต้าเชียร์ซื้อ 3 กลุ่ม แบงก์ อสังหาฯ รับเหมาฯ กำไรไตรมาส 4 ฟื้น P/E ต่ำ  FETCO ยืนเป้าดัชนีปี 65 ที่ 1,800 จุด เงินต่างชาติไหลเข้า  1 แสนล้านบาท

วันที่ 7 ธ.ค. หุ้นโลกปรับตัวขึ้นยกแผง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ 1,609.28 จุด พุ่งแรง 21.09 จุด หรือ +1.33% มูลค่าการซื้อขายรวม 74,927.55 ล้านบาท แรงซื้อจากสถาบันไทย 2,949 ล้านบาท ต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 165.98 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขายทำกำไร 3,128.75 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยดีดขึ้นแรงตามตลาดต่างประเทศ ในภูมิภาคนำโดยฮ่องกงพุ่งแรง 2.72% ยุโรปบวกมากกว่า 1% ดาวโจนส์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้นต่อกว่า 300 จุด หลังจากโลกมีมติเอกฉันท์โควิดโอมิครอนไม่รุนแรงจนขั้นรัฐบาลทั่วโลกต้องล็อกดาวน์ และราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 2% ทำให้มีแรงซื้อกลับในหุ้นที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเปิดเมือง และกลุ่มพลังงาน แม้จะมีการพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่รายแรกในไทยก็ตาม

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยืนยันว่าไม่มีการสั่งล็อกดาวน์ ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และมั่นใจในความพร้อมระบบสาธารณสุขของไทย

บล.บัวหลวง วิเคราะห์ว่าหุ้นไทยปรับตัวลง 3.6% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าแย่กว่าที่คาด จึงมีโอกาสฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของเดือน ธ.ค. คาดแกว่งตัวในกรอบ 1,530-1,660 จุดในช่วงวันที่ 6-20 ธ.ค.นี้ ใช้กลยุทธ์หุ้นใหญ่ฟื้นตัวจำกัด แนะเลือกเล่นหุ้นกลางเล็กที่มี Catalyst หนุน เชื่อไปได้ดีกว่าตลาดต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ MINT เล่นรีบาวด์จาก cover short

นอกจากนี้แนะนำ “ซื้อ” IP  โดยปรับเพิ่มกำไรปี2565 ขึ้น 10% เป็น 189 ล้านบาท เติบโตจากปีนี้กว่า 81% และปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 26 บาท คาดกำไรเติบโต 41%/ปี  ในปี 2564-2567  จากการรวมรายได้และกำไรร้านขายยา Lab เข้าไว้ในประมาณการ

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย)ออกบทวิเคราะห์หุ้นรายกลุ่ม โดยให้น้ำหนักมากกว่าตลาด กลุ่มธนาคารพาณิชย์ รับเหมาก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ส่วนกลุ่มการแพทย์ กำไรผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 3 /2564 แต่สามารถเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง เช่น BDMS  สำหรับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ไม่โดดเด่น อาศัยข่าวดีเปิดเมือง หนุน TOP, PTG, BCP, SCC

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ บล.หยวนต้าคาดผลการดำเนินงานฟืนตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2564 ต่อเนื่องจนถึงปี 2565 ได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว การหาสินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนสูง รวมถึงการตั้งสำรองที่ผ่านจนสูงสุดไปแล้ว และมองว่าจะเริ่มผ่อนคลายลง เพราะตัวเลข NPLs มีการขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย และ
ธนาคารยังมีทางเลือกในการบริหารจัดการลูกหนี้กลุ่มเสี่ยงได้

“Top Pick แนะนำ SCB มูลค่าเหมาะสม 154 บาท และ  KBANK ราคา 180 บาทมีศักยภาพในการเติบโต จากการขยายฐานผู้ใช้งาน KPLUS และการรุกตลาด AEC+3 พร้อมแผนลงทุนสร้างการเติบโตใหม่ๆ ผ่าน KBTG”บล.หยวนต้าระบุ

สำหรับกลุ่มรับเหมาแนะนำซื้อ CK  มูลค่าเหมาะสม 27  บาท STEC 21.50 บาท SEAFCO 5.34 บาทและ PYLON 4.90 บาท

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นในปี 2565 คาดว่ายังเป็นแนวโน้มขาขึ้น เป้าหมายดัชนีอยู่ที่ 1,800 จุด  คาดเศรษฐกิจเติบโตประมาณ 4%  เม็ดเงินต่างประเทศ (Fund Flow) จะเข้ามาเกิน 100,000 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตประมาณ 12% จากปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 50% เนื่องจากปีก่อนหน้าฐานค่อนข้างต่ำ

อย่างไรก็ตามดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน พ.ย. 2564 พบว่า ในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 135.16 ลดลง 19.9% จากเดือนก่อนหน้า แต่อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลุ่มบุคคล กลุ่มสถาบันในประเทศ และกลุ่มต่างประเทศอยู่ในระดับ “ร้อนแรง” ส่วนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ในระดับ “ทรงตัว” โดยนักลงทุนให้หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) น่าสนใจมากที่สุด ส่วนหมวดแฟชั่น (FASHION) ไม่น่าสนใจมากที่สุด

ด้านตลาดหลักทรัพย์ประกาศรายชื่อหุ้นเข้าดัชนี FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 20 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป โดยดัชนี FTSE SET Large Cap Index ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มี 6 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ ได้แก่ บริษัททิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH) บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) บริษัท เงินติดล้อ (TIDLOR) บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) บริษัทโรงพยาบาลวิภาวดี (VIBHA) และเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ดัชนี FTSE SET Shariah Index มี 24 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ