กสิกรไทยคาดเศรษฐกิจไทย ปี 65 โต 2.8-3.7%

HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเศรษฐกิจไทยปี 2565 โต 2.8-3.7% ขึ้นกับการแพร่เชื้อของไวรัสโอมิครอน และประสิทธิภาพวัคซีน นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 2-4 ล้านคน เงินบาทอ่อนค่าแตะ 34.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวถึงการแพร่ระบาดของไวรัส Omicron ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 น่าจะขยายตัว 2.8-3.7% เงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 1.6-2.1% ค่าเงินบาทยังผันผวนในกรอบ 33.25-34.25 บาทต่อดอลลาร์ ขึ้นกับอัตราการแพร่เชื้อ ประสิทธิภาพของวัคซีน และความรุนแรงของโรค ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยแบ่งออกเป็น 2 กรณี ภายใต้สมมติฐานที่การแพร่ะบาดของสายพันธุ์ Omicron จะบรรเทาลงในปลายไตรมาสแรกปี 2565 และรัฐบาลไม่กู้เงินนอกงบประมาณเพิ่มเติม โดยใช้วงเงิน 2.6 แสนล้านบาทที่เหลือจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท

กรณีดี แม้ไวรัสจะแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว แต่ความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ Delta และวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบัน ลดหรือจำกัดระดับความรุนแรงของอาการป่วยได้ ไทยอาจไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ ดังนั้นเศรษฐกิจปี 2565 ยังฟื้นตัวที่ 3.7% โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออก การฟื้นตัวของการใช้จ่ายครัวเรือน รวมถึงการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี แต่แรงกดดันจากเงินเฟ้อยังเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ

กรณีแย่ หมายถึงสายพันธุ์ Omicron มีความรุนแรงเท่ากับสายพันธุ์ Delta และประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ต้องปิดประเทศ และมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศตามระดับความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 2.8%

นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวถึงผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวไทยว่า ในกรณีดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 จะฟื้นตัวแตะ 4 ล้านคน จากปีนี้ที่ประมาณ 3.5 แสนคน

ส่วนกรณีแย่ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเหลือประมาณ 2 ล้านคน เพราะการท่องเที่ยวจะขาดช่วงไป 2-3 เดือน จากการที่ประเทศต่างๆ รวมถึงไทย จำเป็นต้องยกระดับการควบคุมการเดินทาง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไปทุกๆ 1 ล้านคน จะกระทบรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท

สำหรับแนวโน้มภาคการเงิน นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า กรณีดีที่ผลกระทบจากไวรัส Omicron จำกัด ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ยังทยอยลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินตามแผน ซึ่งตลาดประเมินมีโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565 ถึง 2-3 ครั้ง จะเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินบาทในครึ่งปีแรกมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 33.25-34.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

กรณีแย่ การระบาดของไวรัส Omicron จะกระทบรายได้จากการท่องเที่ยวและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ทำให้เงินบาทในช่วงครึ่งปีแรกขาดปัจจัยหนุนและอ่อนค่ากว่ากรณีแรก โดยมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ

“ในปีหน้าภาคธุรกิจควรรับมือกับภาวะที่เงินบาทจะแกว่งตัวในกรอบกว้าง คล้ายกับปีนี้ที่เงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหว (ระดับอ่อนค่าสุด-ระดับแข็งค่าสุด) กว้างถึง 4 บาทกว่า เทียบกับปี 2563 ที่มีกรอบประมาณ 3.40 บาท “ นางสาวธัญญลักษณ์ กล่าว

ส่วนระบบธนาคารพาณิชย์ไทยปี 2565 ยังต้องทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพราะมีความไม่แน่นอนสูง คาดสินเชื่อจะขยายตัวในกรอบ 4.0-5.5% ชะลอลงจากปี 2564 ที่ขยายตัว 6.0% เนื่องจากภาคธุรกิจสะสมสภาพคล่องไว้ในช่วงที่ผ่านมา และผลของมาตรการช่วยเหลือทางการเงิน

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ยังเป็นขาขึ้นคาดอยู่ที่ 3.30% ต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2565 เทียบกับ 3.20% ในสิ้นปี 2564 ซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะยังได้อานิสงส์จากการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ของ ธปท. แต่ธนาคารพาณิชย์ยังคงรักษาระดับการตั้งสำรอง ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปี 2565 ยังไม่เข้าใกล้ระดับก่อนวิกฤตโควิด