TRV พร้อมเทรด 2 ธ.ค. กำไร 22 ล้านบ. มาร์จิ้นเพิ่ม 9 เดือน/64

HoonSmart.com>>”ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์”ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยางขึ้นรูปเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม พร้อมเข้าซื้อขายใน mai  2 ธ.ค. นี้  เปิดผลงาน 9 เดือนปี 64  กำไร 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.76% รายได้จากการขายโต 16.72% เป็น 133 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ในวันที่ 2 ธ.ค.2564

TRV มีทุนชำระแล้ว 105 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 125.50 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 483 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 17.69 เท่า  มีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่  เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายธีรวุฒิ นวมงคลชัยกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ (TRV) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปี TRV มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการผลิตและการบริการเพื่อความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ มีการพัฒนาและปรับปรุงการจัดการให้สามารถประสานกันเพื่อให้เกิดของเสียจากการผลิตน้อยที่สุด และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน โดยการระดมทุนครั้งนี้ จะนำไปซื้อเครื่องจักร ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

บริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์  รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2564 มีกำไรสุทธิ 6.24 ล้านบาท ลดลง 0.69 ล้านบาท ลดลงประมาณ 9.97% เทียบกับกำไร 6.93 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และรวม 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 22.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.71 ล้านบาท หรือ 43.76% จากกำไรสุทธิ 15.32 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

บริษัทฯมีรายได้จากการขายจำนวน 133 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นจำนวน 19.09 ล้านบาทหรือ 16.72% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีกำไรขั้นต้น 53.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.81 ล้านบาทหรือ 28.31%อัตรากำไรสุทธิ 16.53% เทียบกับ 13.42%ในปีก่อนเพิ่มขึ้น 3.11%

รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น สาเหตุหลักมาจากยอดสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จำนวน 22 ล้านบาท เนื่องจากช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 รายได้จากการขายชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ได้รับผลกระทบจากการชะลอคำสั่งซื้อของโรงงานผลิตรถยนต์ เนื่องจากสถานการณ์โควิดหลังจากนันคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น

ด้านผลการดำเนินงานในปี 2563 มีกำไรสุทธิ 21.20 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 25.27 ล้านบาท