KTBST เปิดโผหุ้น “ถูกกระทบ-ได้ผลบวก” โควิดกลายพันธ์ุ Omicron

HoonSmart.com>> “บล.เคทีบีเอสที” ประเมิน “โอไมครอน” โควิดกลายพันธุ์ แพร่ระบาดได้เร็ว กดดันหุ้นไทย จนกว่าเห็นทิศทางการคุมระบาดได้ มองโอกาสสูงระบาดเข้าไทย ชี้หุ้น MINT, SHR กระทบมากสุด ฐานรายได้หลักอยู่ในยุโรปที่เริ่มระบาด ด้าน AAV, AOT จำนวนผู้โดยสารฟื้นตัวช้าลง คาด 4 กลุ่มหุ้นได้ผลบวก “รพ.-อุปกรณ์การแพทย์ , อาหารเสริม, จำหน่ายไอที, กลุ่ม Global Play”

บริษัทหลักรัพย์เคทีบีเอสที (KTBST) ออกบทวิเคราะห์หุ้นที่ได้รับผลกระทบจาก “Omicron” หลัง WHO เตือนโควิดสายพันธุ์ใหม่ “Omicron” ที่พบให้แอฟริกาใต้ เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล เมื่อวันที่ 26 พ.ย.64 (เช่นเดียวกับ สายพันธุ์ Alpha Beta Gamma และ Delta) ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าสายพันธุ์ Omicron สามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆและวัคซีน COVID-19 ในปัจจุบันอาจจะไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสตัวนี้ อีกทั้งเชื่อว่า Omicron อาจทำให้ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อแล้วสามารถเกิดติดเชื้อซ้ำได้มากขึ้น เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลง (กลายพันธุ์) ของหนามโปรตีนมากกว่าสายพันธุ์เดลต้า สูงถึง 3.5เท่า ขณะที่ความรุนแรงของโรคต้องใช้เวลาประเมินราว 3-4 สัปดาห์ ประกอบกับการตรวจด้วย RT-PCR บางยี่ห้อ ไม่สามารถตรวจจับเชื้อ “Omicron” ได้

ปัจจุบันพบเชื้อดังกล่าวแล้วเกือบทุกภูมิภาคทั่วโลกตั้งแต่เริ่มพบเชื้อครั้งแรก 9 พ.ย.64 นับว่าการระบาดค่อนข้างเร็ว ทำให้ทั่วโลกเริ่มมีการระงับการเดินทางจากทวีปแอฟริกาเพื่อสกัดการระบาด ส่วนประเทศไทยได้ประกาศมีข้อกำหนดสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศ ได้แก่ Botswana, Eswatini, Lesotho Malawi, Mozambique, Namibia,South Africa และ Zimbabwe ที่มาถึงไทยวันที่ 28-30 พ.ย.21 จะต้อง Quarantine 14 วัน และตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 จะทำการห้ามผู้โดยสารจากประเทศเหล่านี้เข้าประเทศไทย

บล.เคทีบีเอสที ประเมิน Omicron เป็นปัจจัยกดดัน SET Index จนกว่าเริ่มเห็นทิศทางการแพร่ระบาดเริ่มควบคุมได้ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือน โดยมีโอกาสสูงที่ Omicron จะมาระบาดในไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว, เศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนกลับมาลดลง รวมถึงมีแนวโน้มที่ภาครัฐจะกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

ในขณะที่ล่าสุดบริษัท BioNTech ที่ได้พัฒนาวัคซีนร่วมกับไฟเซอร์ คาดว่าจะสามารถปรับสูตรวัคซีนต้านสายพันธุ์ “Omicron” สำเร็จภายใน 100 วัน

ทั้งนี้ SET ปรับตัวลง -4% ใน 6 วันทำการและ -5% ใน 4 เดือน (เม.ย.–ก.ค.2564) ช่วงที่โควิดสายพันธุ์ Delta ระบาด โดย sector ที่ปรับตัวลงมากที่สุด ได้แก่ Bank (-22% ใน 4 เดือน), Finance (-18%), Property (-12%), Petro(-12%), Tourism (-12%), Transport (-12%) ในขณะที่sector ที่ปรับตัวขึ ้นได้แก่ Electronic(+67%), Packaging (+35%), Steel (+21%), Healthcare (+10%), Construction Material (+5%)


หุ้นที่คาดว่าจะ underperform มากสุด จากผลกระทบ “Omicron” ได้แก่ MINT, SHR เนื่องจากฐานรายได้หลักอยู่ในยุโรป ซึ่งเริ่มพบการแพร่ระบาดมากขึ้น AAV, AOT จากความกังวลที่การระบาดอาจทำให้จำนวนผู้โดยสารจะฟื้นตัวได้ช้าลง และ TOP จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปลดลง

Sector ที่มีโอกาส underperform มากสุด ได้แก่

1) Tourism & Aviation: MINT, SHR, ERW, CENTEL, AOT, AAV, BA, SPA
2) Energy: TOP, SPRC, ESSO, BCP, IRPC
3) Bank & Finance: KBANK, SCB, MTC, SAWAD, TIDLOR, AEONTS, KTC
4) Commerce: CRC, CPALL
5) Media: MAJOR, PLANB, VGI
6) Ground transportation: BEM, BTS
7) Industrial Estate: AMATA, WHA

สำหรับ Sector ที่คาดว่าจะไม่ underperform มากเหมือนครั้งก่อน ได้แก่ Property เนื่องจากมีปัจจัยบวกจาก ธปท.มีมาตรการผ่อนเกณฑ์ LTV และกำลังซื้อที่ดีขึ้้น และ Power คาดผลกระทบจำกัด มาตรการล็อกดาวน์ที่ไม่เข้มงวดเท่าครั้งก่อนจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกกระทบน้อยลงและปริมาณการใช้ไฟฟ้าถูกกระทบจำกัด

หุ้นที่คาดว่าจะ outperform มากสุด จากผลกระทบ “Omicron” ได้แก่ BCH, CHG เนื่องจากได้ประโยชน์จากการรักษาผู้ป่วยโควิด, SMD จะทำให้มีความต้องการเครื่องมือแพทย์สูงขึ้น หากโควิดมีการระบาดรุนแรง, STGT ได้ประโยชน์จากความต้องการใช้ถุงมือยางในระดับสูง และ ASIAN จากเงินบาทอ่อนและราคาหุ้น underperform ช่วงก่อนหน้านี้

Sector ที่มีโอกาส Outperform มากสุดได้แก่

1) Healthcare & Medical equipment: BCH, CHG, SMD, STGT
2) Food supplement: MEGA
3) IT Distributor: COM7, SYNEX, SIS
4) Global play: ASIAN, TU, KCE, HANA, NER, SUN