โลกป่วย! ต่างชาติชิงขายหุ้น-บอนด์ มาร์เก็ตแคปดิ่ง 4 แสนล.จ่อหลุด1,600

HoonSmart.com>>หุ้นโลกดิ่งเป็นโดมิโน ตลาดยุโรป ลามเอเชีย-ตลาดสหรัฐ ลากราคาน้ำมันลงเหวลึกกว่า 11% หลุด 70 ดอลลาร์ หุ้นไทยไม่รอด ร่วง 2% เจอสถาบันถล่ม 1.2 หมื่นล้านบาท เฉพาะต่างชาติขาย 6 พันล้านบาท ทิ้งบอนด์อีก 13,600 ล้านบาท ขายอนุพันธ์ ช็อตหนักถึง 5 หมื่นสัญญา มูลค่าหลักทรัพย์ของตลาดหายไปกว่า 4 แสนล้านบาท เงินบาทอ่อนยวบจ่อหลุด 34 บาท บล.โนมูระฯ คาดตลาดพักฐาน 2-4 สัปดาห์  รอรับ 1,590-1,570 จุด แนะ BCH-CHG-KCE- XO-STGT บล.เมย์แบงก์ฯ รอสะสมหุ้นกำไรโต  JMT-ASK-DTAC-TTB-BCH บล.ฟินันเซียฯ จัด 11 หุ้นปลอดภัย

หุ้นทั่วโลกร่วงกันถัวนหน้า 26 พ.ย.64 ตลาดยุโรปทรุดกว่า 2% ฝั่งสหรัฐแดงทั้ง 3 ตลาด ดาวโจนส์กว่า 900 จุด หุ้นญี่ปุ่น ฮ่องกงถลา ไทยทรุด 2.30% หรือ-37.85 จุด ปิดที่ 1,610.61จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 123,472.09 ล้านบาท ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) เหลือจำนวน 18,902,867.38 ล้านบาทลดลงจากวันก่อนหน้าจำนวน 446,623.04 ล้านบาท แรงขายหุ้นบลูชิพทุกกลุ่ม จากฝีมือนักลงทุนสถาบันทั้ง 3 กลุ่ม ส่วนนักลงทุนไทยเก็บเต็มหน้าตัก 12,791 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติตัดสินใจเร็ว ขายหุ้นกว่า 6,000 ล้านบาท รวมถึงตราสารหนี้ไทยด้วย 1.3 หมื่นล้านบาท และขายชอร์ตวันเดียวมากถึง 5 หมื่นสัญญา กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว คาดสัปดาห์หน้ามีโอกาสเห็น 34 บาทต่อดอลลาร์ สถานการณ์โควิดพันธุ์ใหม่ยังคงลุกลามในยุโรป และความกังวลเรื่องเฟดจ่อขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดและลดคิวมากขึ้นสกัดเงินเฟ้อสูง

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน แนะกลยุทธ์การลงทุนในสถานการณ์นี้ ตลาดมีแนวรับสำคัญที่ 1,611จุด หากหลุดเสี่ยงปรับตัวลดลงต่อไปที่แนวรับถัดไปบริเวณ 1,590-1,570 จุด ซึ่งการพักฐานของตลาดอาจกินเวลา 2-4 สัปดาห์ รอจังหวะอ่อนตัว ซื้อระยะสั้น คาดว่าหุ้นโรงพยาบาลขนาดกลางได้แก่ BCH และ CHG กลุ่มส่งออก KCE และกลุ่มได้ปัจจัยบวกจากโควิด XO และSTGT จะปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเมินแนวรับแรกที่สำคัญบริเวณ 1,600 จุด ซึ่งกรณีหลุดไม่ควรเกิน 1,590 จุด มิเช่นนั้นตลาดหุ้นจะเสียแนวโน้มขาขึ้นไป และอีกแนวรับที่สำคัญคือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่บริเวณ 1,570 จุด โดยในช่วง 1 ปีนี้ ตลาดหุ้นไทยลงไปทดสอบ และสามารถดีดกลับขึ้นได้ทุกครั้ง กรณีหลุดอาจจะมีปรับฐานลงลึกได้

อย่างไรก็ตามการปรับฐานลงรอบนี้ มองว่าเป็นโอกาสย่อ สะสมซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปี 2565 เติบโตดี ในกรณีที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ แนะนำ JMT, ASK, DTAC, TTB และ BCH ส่วนหุ้นที่มีกิจการในยุโรป ยังต้องรอดูสถานการณ์ให้มีแนวโน้มคลี่คลายลงก่อน

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ B.1.1529 ที่พบในแอฟริกาใต้ กดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก อาทิ ตลาดหุ้น บิทคอย คริปโต สวนทางกับตลาดสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ราคาพันธบัตร ราคาทองขึ้น ดอลลาร์แข็งค่า

ทั้งนี้ WHO กำลังจะเรียกประชุมหารือถึงวิธีการรักษาและวัคซีนที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งต้องติดตามข่าวการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่ต่อเนื่อง การลงทุนแนะนำทยอยแบ่งไม้เข้าซื้อ แนวรับแรกอยู่ที่ 1,600 จุด แต่ถ้าเริ่มมีการแพร่ระบาดในประเทศไทย อาจจะส่งผลให้มาตรการเข้มงวดขึ้น แนะนำรอทยอยซื้อที่แนวรับต่ำกว่า 1,600 จุด หุ้นปลอดภัยแนะนำ BCH, CHG, EKH, MEGA, KCE, SMT, TU, XO, SYNEX, NSL, JWD