HoonSmart.com>> “เฮลท์ลีด”ร้านขายยาแห่งแรกในตลาดหุ้น ขายไอพีโอ จำนวน 72 ล้านหุ้น เคาะราคาขาย 9.80 บาท คิดเป็น P/E 37.57 เท่า เปิดจองซื้อ 25-26,29 พ.ย.นี้ จัดสรรให้นักลงทุนสถาบัน 13.50 ล้านหุ้น คาดเข้าจดทะเบียนตลาด เอ็ม เอ ไอ วันที่ 3 ธ.ค.64 นำเงินขยายสาขา-ปรับปรุงสาขาเดิม-ใช้หมุนเวียนในกิจการ ตั้งเป้าขยายสาขาปีละ 4-5 สาขา ดันยอดขายโตต่อเนื่อง เสริมอัตรากำไรสูงขึ้น
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยว่า HL เตรียมเปิดขายจำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ในราคาหุ้นละ 9.80 บาท อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ 37.57 เท่า เปิดจองซื้อในวันที่ 25-26 และ 29 พ.ย.นี้ คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 3 ธ.ค.2564 หมวดธุรกิจบริการ
พร้อมกันนี้มีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 บริษัท ประกอบด้วย บล. โกลเบล็ก , บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) , บล.ทรีนีตี้ , บล. โนมูระ พัฒนสิน , บล.บียอนด์ และบล.เอเซีย พลัส
“ราคา IPO ที่ 9.80 บาทต่อหุ้น เป็นระดับราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานของ HL ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะได้ลงทุนในบริษัทที่ดี และมีการเติบโตต่อเนื่อง เราจัดสรรให้นักลงทุนสถาบัน 13.5 ล้านหุ้น จากจำนวนขายที่ 72 ล้านหุ้น ซึ่งได้รับความสนใจเข้ามาค่อนข้างมาก จึงทำให้เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทุกกลุ่ม เนื่องจาก HL ทำธุรกิจร้านขายยา เป็นธุรกิจเฉพาะตัว ในรูปแบบ Chain Drug Store รายแรกในตลาดหลักทรัพย์ และมีความสามารถในการทำกำไรที่ดี ฐานะการเงินแข็งแกร่ง อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 22% และมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง ตามแนวโน้มกระแสรักษาสุขภาพ และสังคมผู้อายุที่สูงขึ้น” นายสมภพ กล่าว
ด้านภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ว่า บริษัทจะนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ โดยตั้งเป้าขยายสาขาปีละ 4-5 สาขา และใช้เงินในการปรับปรุงสาขาเดิม จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4 แบรนด์ รวมจำนวน 25 สาขา รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมใหม่ๆ
ส่วนแนวโน้มปี 2565 หลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มเบาบางลง และเศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว คาดว่าทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นต่อเนื่อง และด้วยกระแสสังคมในปัจจุบันที่หันมาใส่ใจสุขภาพ และสังคมผู้สูงอายุ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวก ที่ทำให้บริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้น จากการที่บริษัมจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบครบวงจร
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.82% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.13 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 355.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.08% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 255.95 ล้านบาท
ส่วนงวด 9 เดือนของปี 2564 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.85% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 38.65 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 912.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.57% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 796.67 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากมียอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง มียอดขายต่อสาขาเดิมเติบโตอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งแนวโน้มการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญมากขึ้น ตลอดจนเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมียอดขายที่เติบโตมากขึ้นอีกด้วย ในขณะที่อัตรากำไรขั้นตันเพิ่มสูงขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทำให้มีอำนาจต่อรองกับ Supplier มากขึ้น รวมถึงการขายผลิตภัณฑ์ที่บริษัทพัฒนาเอง ก็ทำให้อัตรากำไรปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น
“การเข้าระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตของ HL ได้อีกมาก ทำให้มีแหล่งทุนเพิ่มศักยภาพในการขยายสาขาได้ต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทฯตั้งเป้าที่จะขยายสาขาปีละ 4-5 แห่งในพื้นที่ของกทม.เป็นหลัก จากนั้นก็จะกระจายให้ครอบคลุมไปทั่วเขตปริมณฑลตามหัวเมืองที่สำคัญ และเมื่อมีสาขาที่เพิ่มขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ยอดขายเติบโต ทำให้ความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้นอีก” ภก.ธัชพล กล่าวทิ้งท้าย