บล.คิงส์ฟอร์ดชี้บาทอ่อนทำฟันด์โฟลว์ชะลอ คาดกรอบหุ้นวันนี้ 1,640 -1,660 จุด

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองหุ้นเคลื่อนไหวกรอบแนวรับ 1,640 จุด แนวต้าน 1,660 จุด ด้านเงินบาทอ่อนค่า ฟันด์โฟลว์ชะลอตัว หุ้นแนะนำ JWD-WORK

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,640 แนวต้าน 1,660 เนื่องจาก Fair Value ดัชนีค่อนข้างตึงตัวที่ ขณะที่ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอาจส่งผลให้ Fund Flow ชะลอตัว แนะนำซื้อเก็งกำไร SCB, TTB (+มาตรการรวมหนี้) TIDLOR, SAT, AH (+ส่งออก ต.ค. +17.4%)

วานนี้นักลงทุนซื้อขายหุ้นกลุ่มสื่อสารคึกคัก หลัง TRUE – DTAC ประกาศควบรวมกิจการส่งผลให้มีฐานลูกค้าเป็นอันดับ 1 จำนวน 51.3 ล.ราย หากการควบรวมสำเร็จคาดส่งผลให้สามารถลดต้นทุนลง และศักยภาพทำกำไรดีขึ้นในอนาคต แต่อยู่ระหว่างรออนุมัติจาก กสทช.คณะกรรมการควบรวมกิจการ, แข่งขันทางการค้า ส่วนกลุ่มธนาคารได้ปัจจัยหนุนหลัง ธปท.อนุมัติให้รวมหนี้และรีไฟแนนท์ข้ามธนาคาร ส่งผลให้กลุ่มลูกหนี้บัตรเครคิต, เช่าซื้อกลับไปรวมหนี้กับสินเชื่อมีหลักประกัน เช่น สินเชื่ออสังหา ฯ เป็นบวกต่อ Loan Yield ของธนาคาร

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.05%, S&P500 -0.32%, Nasdaq -1.26%โดยดัชนี DJIA ได้แรงหนุนหลังประธานาธิบดีไบเดนเสนอชื่อพาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดอีก1 สมัย ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 1.596% เป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่กลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง ส่วนรายงานทางเศรษฐกิจ NAR เผยยอดขายบ้านมือสอง ต.ค. +0.80% MoM อยู่ที่ 6.34 ล้านยูนิต ดีกว่าคาดที่ 6.2 ล้านยูนิต

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.13% หุ้นกลุ่มเดินทาง &สันทนาการ -1.30% หลังนายก ฯ เยอรมันเผยอาจจำเป็นต้องใช้ มาตรการเข็มงวดขึ้นในการคุมระบาด Covid-19 ขณะที่ออสเตรีย, เนเธอร์แลนด์ได้ประกาศล็อกดาวน์ ส่วน EC เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลุ่มยูโรโซน พ.ย. ลดลงอยู่ที่ -6.8 &ต.ค. -4.8 โดย ธ.กลางเยอรมันเผยเศรษฐกิจเยอรมันมีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ( ก.ย. – พ.ย.)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ JWD (ซื้อ / ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Consensus 20.70 บาท) ผลการดำเนินงาน 3Q64 เติบโตแข็งแกร่ง ทำรายได้รวมเป็นสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกัน 3 ไตรมาส ที่ 1.38 พันล้านบาท +40%YoY และมีกำไรสุทธิ 139 ล้านบาท +92%YoY ผู้บริหารคาดรายได้รวมปีนี้จะทะลุเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 5 พันล้านบาท

ขณะที่กำไรมีปัจจัยหนุนจากไตรมาสสุดท้ายเตรียมรับรู้ส่วนกำไรจากการเข้าถือหุ้น 15% ใน อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล (ESCO) ที่ปิดดีลเรียบร้อย และเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจคลังสินค้า Fulfillment ย่านมีนบุรี ส่วนธุรกิจอื่น ๆ คาดเติบโตต่อเนื่องหลังรัฐบาลเปิดประเทศและผ่อนคลายล็อกดาวน์ รวมถึงธุรกิจที่ลงทุนในต่างประเทศสร้างผลตอบแทนที่ดี

หุ้น WORK (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 27.88 บาท) กำไรสุทธิงวด 3Q64 อยู่ที่ 70 ลบ. (-8.1%YoY, -54.8%QoQ) หดตัวตามการลดลงของรายได้ (1.ด้านโฆษณา เม็ดเงินถูกระทบจาก Covid-19 และ 2.ด้าน Event ต่างๆอย่าง งานละครเวที/Concert ไม่มีการจัดแสดงจากม.การควบคุม) อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วง 4Q64 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของรายได้โดยเฉพาะฝั่งรายได้จากการโฆษณาหลังสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนี้ งานละครเวที/Concert น่าจะสามารถกลับมาจัดงานได้อีกครั้งหลังรัฐฯออกม.ผ่อนคลายการควบคุมโรค ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี64 และ ปี65 จะขยายต่อเนื่องจากปี 63 ที่ 0.36 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.87 บาท/หุ้น, และ 1.07 บาท/หุ้น ตามลำดับ