HoonSmart.com>>ธปท.ออกมาตรการจูงใจสถาบันการเงิน-ลูกค้า หนุนรวมหนี้ที่อยู่อาศัยและหนี้รายย่อยประเภทอื่น ผ่อนเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ การกันเงินสำรอง และการดำรงเงินกองทุน ลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดในระยะยาว รับกระทบรายได้ดอกเบี้ยแต่ส่งผลดีระยะยาว
น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ได้กำหนดแรงจูงใจสนับสนุนให้สถาบันการเงิน รวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น (debt consolidation) เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี หรือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 โดยการนำหลักประกันของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมาใช้ลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดในระยะยาว นอกจากนี้ ธปท. ได้ลดข้อจำกัดการทำรีไฟแนนซ์ (refinance) หนี้ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันของสถาบันการเงินในการรวมหนี้ให้กับลูกหนี้
โดยสาระสำคัญของมาตรการ
1. ห้ามเรียกเก็บค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนครบกำหนด (prepayment fee) สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ เป็นการชั่วคราว โดยมีผลบังคับใช้ถึง 31 ธันวาคม 2566
2. ปรับปรุงแนวทางการรวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น (debt consolidation) โดยขยายขอบเขตให้สามารถรวมหนี้ข้ามสถาบันการเงินและ/หรือผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นได้ จากเดิมที่สามารถรวมหนี้ได้เฉพาะหนี้ในสถาบันการเงินเดียวกัน ทั้งนี้ ในกรณีที่สถาบันการเงินมีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้นได้ไม่เกินอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม ส่วนกรณีที่รับโอนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (refinance) มาจากสถาบันการเงินอื่น สถาบันการเงินสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้ได้
สำหรับสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นที่นำมารวมหนี้ด้วย ให้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่เป็นอัตราที่ใช้หลังการส่งเสริมการขาย (teaser rate) บวก 2% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรายย่อยโดยทั่วไป
โดย ธปท. ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การกำกับดูแล 1. การจัดชั้นและการกันเงินสำรองอย่างยืดหยุ่น (กรณีทำการรวมหนี้) และ 2. ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การคคำนวณสินทรัพย์เสี่ยงด้านเครดิต เพื่อลดต้นทุนให้กับสถาบันการเงินที่ช่วยเหลือลูกหนี้ สำหรับการรวมหนี้ที่ดำเนินการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพื่อสนับสนุนให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจดำเนินการดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่าสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะทยอยเสนอผลิตภัณฑ์การรวมหนี้ได้ภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 2564
“ภายใต้มาตรการครั้งนี้ ธปท. ขอให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจเร่งดำเนินการเพื่อช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ รวมถึงการกำหนดค่างวดการผ่อนชำระของลูกหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ในปัจจุบัน เพื่อให้ทุกฝ่ายผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ซึ่งการปรับลดดอกเบี้ยจากการรวมหนี้จะทำให้รายได้สถาบันการเงินลดลง แต่การบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต คุณภาพพอร์ตสินเชื่อจะปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อสถาบันการเงินในระยะยาว” น.ส. สุวรรณีกล่าว