“คิงส์ฟอร์ด” คาดหุ้นเคลื่อนไหวกรอบแนวรับ 1,635 – 1,640 จุด แนวต้าน 1,660

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มหุ้นเคลื่อนไหวกรอบแนวรับ 1,635 – 1,640 แนวต้าน 1,650 – 1,660 จุด แนะกลุ่มได้ผลบวกราคาน้ำมันดิบลดลง หุ้นแนะนำประจำวัน EPG-SPVI

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ดประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,635 – 1,640 แนวต้าน 1,650 – 1,660 อยู่ระหว่างรอออก มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในรูปแบบช็อปดีมีคืน ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร EPG,TASCO (+ต้นทุนน้ำมันลดลง), BGRIM, GPSC, GULF (+ปรับขึ้นค่า FT)

ด้านราคาน้ำมันดิบลดลง 2.91 ดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 76.10 ดอลลาร์/บาร์เรล, Brent ม.ค. ลดลง 2.35 อยู่ที่ 78.89 ดอลลาร์/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI -5.8%, Brent -4.0% WoW กังวลอุปสงค์ชะลอตัวหลังยุโรปบางประเทศอาจต้องใช้ ม.ล็อกดาวน์ ขณะที่สหรัฐ, จีนอาจระบายคลังน้ำมันยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขราคาน้ำมันสูงขึ้น

ส่วนความคืบหน้ากรณีรวมกิจการ TRUE-DTAC ได้รายงานต่อ ตลท. เบื้องต้น 1 หุ้น DTAC แลกได้ 24.53775 หุ้นใหม่ และ 1 หุ้น TRUE แลกได้ 2.40072 หุ้นใหม่ คาดส่งบวกกลุ่มสื่อสารในด้านแข่งขันราคาลดลง

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.75%, S&P500 -0.14%, Nasdaq +0.40%ได้แรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยี หลังดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ตลาดฟิลาเดลเฟีย+0.30% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีปรับลดลง ขณะที่กลุ่มธนาคาร, พลังงาน, สายการบินปรับลดลงจากความกังวลการระบาด Covid-19 ในยุโรป ส่งผลให้ออสเตรียต้องประกาศล็อกดาวน์

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.33% หุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น ธนาคาร, พลังงาน, ยานยนต์, ท่องเที่ยว &สันทนาการ ปรับลดลงหลังออสเตรียประกาศล็อกดาวน์ 10 วัน และเยอรมันอาจจะต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง

สัปดาห์นี้วันอังคารติดตาม PMI ภาคการผลิต เบื้องต้น พ.ย.ของแต่ละภูมิภาค, วันพุธ รายงาน GDP สหรัฐ Q3/64 คาด +2.1%QoQ, Core PCE สหรัฐ ต.ค. คาด +4.1% YoYและรายงานการประชุมเฟด2 – 3 พ.ย. เพื่อติดตามการเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ กลุ่ม Anti-Oil (ซื้อ EPG IAA Consensus 15.30 บาท / เก็งกำไร TASCO IAA Consensus 21.00 บาท) ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับฐานจากความกังวลสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ในยุโรป การพิจารณาปล่อยน้ำมันสำรองจากคลังของสหรัฐฯ จีนเพื่อบรรเทาเงินเฟ้อ ขณะที่ OPEC/IEA มองอุปทานเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ทยอยปรับเพิ่ม รวมถึงติดตามการเจรจานิวเคลียร์อิหร่านสิ้นเดือน

สำหรับ EPG แนวโน้ม 3Q64/65 (ต.ค.-ธ.ค.) คาดฟื้นตัว QoQ ทุกธุรกิจจากสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ที่คลี่คลาย รวมถึงจะมีการทยอยปรับเพิ่มราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ส่วน TASCO* ราคาตอบรับปัจจัยลบมาพอควรแล้ว แต่ไตรมาส 4 ยังฟื้นไม่เด่นหนุนจากความต้องการใช้ในประเทศจากงบประมาณภาครัฐและการรับรู้เงินประกันพิเศษ ช่วยชดเชยต้นทุนผลิตที่สูงขึ้นจากน้ำมันดิบแหล่งอื่น และการปิดซ่อมโรงกลั่นได้บางส่วน

SPVI (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.74 บาท) กำไรสุทธิงวด 3Q64 อยู่ที่ 14.39 ลบ. (+83.3 YoY, -14.6% QoQ) แม้ว่าจะถูกกดดันจากการปิดสาขาจำนวนมากสืบเนื่องจากการระบาดของ Covid-19 แต่ยังมี Demand จากการ Work/Learn from Home เข้าช่วย ขณะที่ ปัจจุบันเข้าสู่ High Season ใน 4Q64 อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากม.ผ่อนคลายการควบคุมโรค และม.กระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ด้านสินค้าหลักจาก ค่าย Apple ยังเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม โดย iPhone 13 ซึ่งได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี64 และ ปี65 จะขยายต่อเนื่องจากปี 63 ที่ 0.18 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.28 บาท/หุ้น, และ 0.33 บาท/หุ้น ตามลำดับ