เจ้าของ “HL” ลั่นไม่ทิ้งหุ้น วันแรก ชูผลิตภัณฑ์นวัตกรรม กำไรโตแซงรายได้

HoonSmart.com>>”เฮลท์ลีด” ปลื้ม! กระแสตอบรับโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์คึกคัก โชว์จุดเด่นธุรกิจเมกะเทรนด์ ร้านขายยาค้าปลีก  Chain Store รายแรกเข้าตลาดหุ้น 4 แบรนด์ได้รับความนิยมสูง สินค้าครบครันกว่า 10,000 รายการ สาขา 25 แห่ง ตั้งเป้าขยายปีละ 4-5 แห่ง ลุยธุรกิจนวัตกรรม ยอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท กำไรโตเร็วกว่ารายได้  มีเกณฑ์กำกับดูแลร้านยา คู่แข่งใหม่เข้ามายาก ไม่มีรายใหญ่ มูลค่าตลาดร้านขายยาประมาณ 35,000 ล้านบาท วางแผนเข้าเทรด mai ในเดือนธ.ค.นี้  “กลุ่มพันธุกานนท์” ถือหุ้นใหญ่กว่า 73% ประกาศไม่ขายหุ้นในวันแรก

สมภพ กีระสุนทรพงษ์

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัทเฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ทีมผู้บริหาร HL และที่ปรึกษาทางการเงินได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กับนักลงทุนได้เข้าใจถึงภาพรวมธุรกิจและแผนการดำเนินงานในอนาคต รวมทั้งให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโต ภายหลังจากการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในกลุ่มพาณิชย์ ภายในเดือนธ.ค.นี้

การโรดโชว์ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจาก HL เป็นธุรกิจร้านขายยาค้าปลีกในรูปแบบ Chain Store รายแรกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai  เป็นเมกะเทรนด์ ภายใต้แบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงทั้ง 4 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย iCare – Pharmax- vitaminclub-Super Drug ซึ่งแบรนด์ สามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดยมีจำนวนสินค้ากว่า 10,000 รายการ รองรับกับความต้องการครบถ้วน ปัจจุบันมีสาขา 25 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลชุมชนเจาะกลุ่มลูกค้าชัดเจน มีเภสัชกรให้คำปรึกษา ซึ่งแต่ละสาขาสามารถสร้างรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง  ยอดซื้อสินค้าต่อบิลเพิ่มขึ้น รวมทั้งการมีทีมผู้บริหารเป็นเภสัชกร ประสบการณ์ตรงในธุรกิจร้านขายยานานกว่า 28 ปี ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ  จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

นายสมภพกล่าวว่า  ธุรกิจร้านขายยาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน เวลาเจ็บป่วย นึกถึงร้านขายยา เบื้องต้น ไม่ไปโรงพยาบาล เพราะใช้เวลา และค่าใช้จ่ายสูง ปัจจุบันธุรกิจร้านขายยามีข้อจำกัดมาก มีกฎเกณฑ์ ดูแลเป็นพิเศษ ร้านจะต้องติดแอร์เพื่อรักษาคุณภาพยา ไม่ใช่ว่าจะมีเงินก็เข้ามาเปิดได้ ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรง คนเข้ามาใหม่ยาก บริษัทมีแบรนด์แข็งแรง เป็นสิ่งสำคัญมีมูลค่าของการจดจำ สะท้อนถึงรายได้ กำไร อัตรากำไรที่ดี มีการเติบโตต่อเนื่อง 3 ปี นักลงทุนที่จะซื้อหุ้นค้าปลีก พิจารณารายได้ต่อสาขาต่อบิล บริษัทนี้ทุกมิติเติบโตหมด ภายหลังจากเข้าตลาดmai จะเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจจร้านขายยาของประเทศ

“จุดเด่นของหุ้น HL กำไรเติบโตมากกว่ารายได้ ค่าใช้จ่ายประจำคงที่ ขยายสาขา และมีลูกค้าใหม่ลูกค้าเดิมยังคงอยู่ต่อไป ค่าการตลาดสามารถทำสร้างรายได้  มีสินค้ามาฝากขาย ทำใหอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้น นโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ส่วนการเสนอขายหุ้น IPO  จัดสรรให้นักลงทุนรายย่อย มากกว่าสถาบัน”

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด  กล่าวว่า อุตสาหกรรมยา มีมูลค่า 1.84 แสนล้านบาท  สัดส่วนประมาณ 60% อยู่ในโรงพยาบาลรัฐ 20% โรงพยาบาลเอกชน อีก 20% อยู่ในร้านขายยา มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท ธุรกิจร้านขายยากระจายมาก ไม่มีบริษัทไหนมีส่วนแบ่งตลาดถึง 5% จึงมีโอกาสเติบโตมาก หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ชัดเจน และบริษัทมียาเป็น 1 หมื่นรายการ มาที่เดียวครบทุกความต้องการ

นอกจากนี้การเปิดร้านขายยา ยังมีหลักเกณฑ์ การดูแล ทำให้ร้านขายยาแบบเดิมหายไปมาก  บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขัน และประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยจะมีความต้องการหาซื้อยา หรืออาหารเสริม วิตามิน ในการป้องกันตัวเองมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมี 25 สาขาอยู่ในกรุงเทพทั้งหมด ยังมีโอกาสขยายได้อีก แต่ไม่เร่งเปิดสาขาเหมือนธุรกิจค้าปลีก  ขณะเดียวกันการขายวิตามิน และอาหารเสริมผ่านออนไลน์แล้ว ส่วนการเติบโตทางลัก ช่วงนี้ไม่มีแผนจะซื้อกิจการ แต่มองหาเมื่อมีโอกาส

“วัตถประสงค์ของการใช้เงิน IPO นำไปขยายและปรับปรุงสาขา ซึ่งการขยายสาขาถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการผลักดันรายได้ของ HL และยังมีธุรกิจนวัตกรรม เป็นธุรกิจแห่งอนาคต ที่จะต่อยอดการเติบโต เทรนด์การดูแลสุขภาพที่กำลังมาแรง และเป็นสิ่งจำเป็น รวมทั้งการที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ยิ่งเป็นอีกแรงกระตุ้นให้ธุรกิจยา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเครื่องสำอาง ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ จะเติบโตได้ดี  ” ภก.ธัชพลกล่าว

ด้านผลงานที่ผ่านมา 3 ปี ( 2561-2563 ) รายได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็น 791.21 ล้านบาท 915.51 ล้านบาท และ 1,080.11 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายประจำเพิ่มเล็กน้อย ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น

ภก.ศุภกร พันธุกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท เฮลท์ลีด   กล่าวว่า กลุ่มพันธุกานนท์ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 73.53% หลัง เสนอขาย IPO สัดส่วน 26.47% โดยกลุ่มพันธุกานนท์จะไม่ขายหุ้นทิ้งในวันแรกของการเข้าตลาด โดยมีเป้าหมายลงทุนอย่างยั่งยืน

HL เป็นบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตได้อีกมากในอนาคต นอกจากมีร้านขายยา 4 แบรนด์แล้ว ยังมีธุรกิจคิดค้น และพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์  PRIMEเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก มีผลิตภัณฑ์จำนวนทั้งหมด 25 SKU และแบรนด์ Besuto เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ผลิตภัณฑ์สลายกลิ่น และผลิตภัณฑ์หน้ากาก ซึ่งมีจำหน่ายทั้งหมด 9 SKU และสินค้าส่วนใหญ่จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของกลุ่มบริษัท โดยปัจจุบัน เฮลทิเนส ยังมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็น ตลอดจนเป็นสินค้าที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง ดังนั้นจะช่วยต่อยอดการเติบโตในอนาคตได้แบบก้าวกระโดด