HoonSmart.com>> “อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป” มั่นใจรายได้งวดปี 64/65 โต 12-15% แตะ 1.1 หมื่นล้านบาท รักษากำไรขั้นต้น 29-32% แนวโน้มครึ่งหลังปี 64/65 สดใส ความต้องการสินค้าใน 3 ธุรกิจหลักหนุน ตั้งงบลงทุน 3 ปีนี้ 690 ล้านบาท พัฒนาเครื่องจักร ลุยซื้อกิจการ-หาพันธมิตร ตั้งบริษัทร่วมทุน วางเงินลงทุนไว้ 300 ล้านบาท คาดชัดเจนช่วงที่เหลือของปีนี้ถึงปี 65 บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.14 บาท
นาย เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้จากการขายในงวดปีบัญชี 2564/2565 จะอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 12-15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,740.51 ล้านบาท และตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 29 -32%
แนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของงวดปีบัญชี 2564/2565 คาดว่าจะมีการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จาก 3 ธุรกิจหลัก ตามการเปิดประเทศของแต่ละประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย ความต้องการเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยตั้งเป้าจะรักษากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับ 400 ล้านบาท/ไตรมาส เหมือนกับ 3 ไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับเงินลงทุนในช่วง 3 ปีนี้ (งวดปีบัญชี 2564/2565-2566/2567) ตั้งไว้ที่ 690 ล้านบาท ใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร และลงทุนโครงการต่างๆ ส่วนเงินอีกประมาณ 300 ล้านบาท จะใช้ลงทุนเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตใหม่ๆ ทั้งการจับมือกับพันธมิตร จัดตั้งบริษัทร่วมทุน หรือการเข้าซื้อกิจการ คาดว่าจะมีความชัดเจนตั้งแต่ช่วงที่เหลือของปี 2564 นี้ ถึงปี 2565 ในปัจจุบันที่มีระดับกระแสเงินสดมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีอัตราหนี้สินต่อทุน ในระดับ 0.38 เท่า
“เราค่อนข้างมีความมั่นใจว่ารายได้ที่ตั้งไว้จะเติบโตตามเป้าหมาย หรืออาจจะดีเกินเป้าด้วย ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของงวดปีบัญชี 2564/2565 เรามั่นใจว่าผลงานจะทำได้หลังจากหลายๆประเทศมีความต้องการกลับมามาก ซึ่งเรามีตลาดอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนา สัดส่วนรายได้ 60% มาจากตลาดต่างประเทศ ส่วนกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน ถ้าอัตราการใช้กำลังการผลิตเต็ม จะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 18,000-20,000 ล้านบาท ก็สะท้อนว่าเงินลงทุนในช่วง 3 ปีถัดจากนี้ เรายังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ แต่คงเน้นสร้างการเติบโตแบบร่วมกิจการ หรือ ซื้อกิจการ” นายเฉลียว กล่าว
ส่วนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นอยู่ในระดับสูง ณ ปัจจุบัน บริษัทได้มีการบริหารจัดการการสั่งซื้อล่วงหน้าเป็นอย่างดี เพื่อบริหารต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับที่วางไว้ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ด้านผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนของงวดปีบัญชี 2564/2565 (เม.ย-ก.ย.2564) มียอดขาย 5,914.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.1% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 31.7% และมีกำไรสุทธิ 862.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125.6% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ทั้งจากการผ่อนคลายมาตรการ ล็อกดาวน์หลังการเร่งฉีดวัคซีน และมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล
นายเฉลียวกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2564 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุด 30 ก.ย. 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 392.0 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 26 พ.ย.64 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ธ.ค.2564