“คิงส์ฟอร์ด” คาดกลุ่มพลังงานกดดัชนีวางแนวรับ 1,635 จุด

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มตลาดหุ้นผันผวนรอประเมินเงินเฟ้อ คาดราคาน้ำมันร่วง 3% กดหุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงดัชนี วางแนวรับ 1,635 จุด แนะทยอยซื้อช่วงอ่อนตัว หุ้นแนะนำวันนี้ AH-M

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ผันผวนระหว่างรอประเมินเงินเฟ้อ และโอกาสขึ้นดอกเบี้ยของเฟด วางแนวรับดัชนีที่ 1,635 แนวต้าน 1,650 – 1,660 แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น KBANK, KTB, TTB/ SAWAD, TIDLOR, THANI/ ADVANC, TRUE/ STEC

ภาพรวมวันนี้กลุ่มที่คาดจะกดดันดัชนีวันนี้ คือ พลังงาน, ปิโตรเคมีและโรงกลั่น หลังราคาน้ำมันดิบวานนี้ลดลง -3% ภาพรวม Upside ดัชนีเริ่มจำกัดด้วยเทรด Forward P/E ที่ 18.7 เท่า และอยู่ระหว่าง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.58%, S&P500 -0.26%, Nasdaq -0.33%หุ้นกลุ่มพลังงาน -1.74% ตามราคาน้ำมันดิบ WTI -3% นักลงทุนกังวลเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หลังดัชนี CPI , ยอดค้าปลีกสหรัฐ ต.ค. ปรับขึ้นแรง ส่วนรายงานตัวเลขเริ่มสร้าง ต.ค. -0.70% อยู่ที่ 1.52 ล.ยูนิต ต่ำกว่าคาดจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.576 ล.ยูนิต เนื่องจากราคาวัสดุสูงขึ้นและปัญหาขาดแคลนแรงงาน

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.14% ได้แรงหนุนจากผลประกอบการ บจ. Q3/64 แม้ว่าเงินเฟ้อในยุโรปสูงกว่าระดับเป้าหมายถึง 2 เท่า จากราคาพลังงานและก๊าซสูงขึ้น และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ Covid-19 เพิ่มสูงในหลายประเทศ

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ AH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท) แนวโน้ม 4Q64 คาดกำไรปกติดีขึ้น QoQ หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ในประเทศไทยและต่างประเทศคลี่คลายลง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากรายได้ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ทั้งในไทยและมาเลเซียฟื้นตัวดีขึ้น หลังทั้ง 2 ประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทั้งนี้ในปี 64 คาดว่ายอดขายของบริษัทจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรมที่ +18%YoY อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท

บล.คิงส์ฟอร์ดคาด AH กำไรสุทธิปี 64 ที่ 1.1 พันล้านบาท และกำไรปกติ 867 ล้านบาท และปี 65 เติบโต +15%YoY เป็น 995 ล้านบาท โดย AH มีจุดเด่นจากการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก และยังมีธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ช่วยเสริม รับประโยชน์ในช่วงอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกฟื้นตัว ขณะที่ Valuation Forward PER’65 อยู่ที่ 7.8 เท่า และคาดหวัง Dividend Yield ราว 4.7%

หุ้น M (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 62.75 บาท) ผลการดำเนินงานงวด 3Q64 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ -257 ลบ. (พลิกขาดทุนจากกำไรสุทธิในช่วง 3Q63 ที่ 465 ลบ. และ ขาดทุนเพิ่มจาก 2Q64 ที่ -99 ลบ.) รับผลกระทบจากการปิดหน้าร้านบางส่วนตามม.ควบคุมโรค Covid-19 อย่างไรก็ตามคาดว่าไตรมาสที่ผ่านมาจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว และ 4Q64 จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ดีรับผลบวกจากสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ที่มีทิศทางดีขึ้นในประเทศ ส่งผลให้มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุม และการเปิดรับนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากม.กระตุ้นการบริโภคต่างๆของภาครัฐฯ ทั้งนี้ตลาดคาดปี64 EPS จะหดตัวแรงแต่ยังสามารถทำกำไรได้ที่ 0.04 บ./หุ้น และในปี65 จะสามารถฟื้นตัวได้ดีที่ 1.92 บ./หุ้น ตามลำดับ