SAWAD กำไร 9 เดือนเฉียด 3.6 พันลบ. เร่งผนึกพันธมิตรลุยธุรกิจใหม่

HoonSmart.com>> SAWAD กำไรสุทธิไตรมาส 3/64 โต 1,114 ล้านบาท หนุน 9 เดือนกวาดกำไร 3,594 ล้านบาท เติบโต Double-Digit ด้านผู้บริหารเผยโควิดกระทบเล็กน้อย ลดเสี่ยงเน้นขยายสินเชื่อผ่าน JV ดันรายได้ค่าธรรมเนียมพุ่ง รุกธุรกิจโบรกเกอร์ประกันด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่กวาดรายได้เข้าพอร์ตโตไม่หยุด เร่งปล่อยสินเชื่อมอไซค์ใหม่หนุนผลงานโค้งสุดท้าย เดินหน้าหาพันธมิตรใหม่โดดร่วมลงทุนธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

น.ส.ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2564 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 1,113.69 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 1,206.11 ล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อย โดยบริษัทมีรายได้รวม 2,465.90 ล้านบาท เทียบกับรายได้งวดเดียวกันของปีก่อน 2,691.49 ล้านบาท โดยรายได้ที่ปรับลดลงสอดคล้องกับการเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนในบริษัทย่อย (บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด) เป็นบริษัทร่วมมีผลทำให้จำนวนพอร์ตลูกหนี้ลดลง เนื่องจากบริษัทไม่ได้นำลูกหนี้ที่อยู่ในบริษัทร่วม (บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด) มาแสดงอยู่ในงบการเงินรวมของบริษัท โดยเป็นการปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง เน้นการเติบโตร่วมกับบริษัท เงินสดทันใจ

ขณะที่รายได้อื่นของบริษัทอยู่ที่ 841.23 ล้านบาท เทียบกับรายได้อื่นงวดเดียวกันของปีก่อน 733.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.72 % โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากรายได้ค่านายหน้าจากธุรกิจประกันชีวิตและวินาศภัยที่เริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซันหนุนการต่อประกันและซื้อประกันใหม่ช่วงปลายปี นอกจากนี้บริษัทได้ปรับลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานได้ต่อเนื่อง โดยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 99.27 ล้านบาทหรือลดลง 10.31% นับเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดต่อกัน

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิรวม 3,594.56 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 3,214.88 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 11.81% โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ย เงินปันผลและรายได้อื่นรวมทั้งสิ้น 7,726.92 ล้านบาท โดยพบว่ารายได้อื่นปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นที่สุดและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงกว่า 373 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ ผลงาน 9 เดือนแรกยังคงเติบโตได้ตามประมาณการณ์กำไรที่คาดไว้ในระดับ Double Digit ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีนโยบายเพิ่มความเข้มงวดและลดสัดส่วนการให้สินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงสถานการณ์โควิด แต่เมื่อสถานการณ์ครึ่งปีหลังเริ่มดีขึ้น จึงได้เร่งพอร์ตสินเชื่อมากขึ้น โดยเน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ที่บริหารจัดการโดย SCAP ขณะที่เงินสดทันใจ เริ่มเห็นการเติบโตสินเชื่อเป็นจำนวนมากจากแคมเปญดอกเบี้ยต่ำ ช่วยให้บริษัทมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการบริหารสินเชื่อให้กับเงินสดทันใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เรายังเร่งพอร์ตประกันให้โตขึ้น ด้วยการจับมือบริษัทประกันชั้นนำเพิ่มรวมเป็น 13 แห่ง ออกแคมเปญผ่อนยาวดึงดูดลูกค้าในช่วงปลายปีที่จะมีการต่อประกันและซื้อประกันใหม่เป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นการเติบโตในหลายธุรกิจของศรีสวัสดิ์ หลังจากทยอยปรับโครงสร้างธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง” น.ส.ธิดา กล่าว

ทั้งนี้ ในระยะถัดไป SAWAD พร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ หนุนให้ผู้ใช้บริการสะดวกสบายในการเข้าถึงสาขา ขณะเดียวกันเร่งพัฒนาเทคโนโลยีรองรับการให้บริการในทุกประเภทธุรกิจเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้บริษัทอยู่ในระหว่างเจรจาร่วมกับบริษัทชั้นนำเพื่อจับมือร่วมธุรกิจใหม่หรือธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตามเป้าหมายการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท เพื่อกระจายความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ ลดการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง สนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคตต่อไป

บล.เคทีบีเอสที คงคำแนะนำ “ถือ” SAWAD แต่ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเล็กน้อยเป็น 70.00 บาท อิงพี/อี ปี 2565 ที่ 3.6 เท่า จากเดิมราคาเป้าหมายที่ 67.00 บาท อิงพี/อี ปี 2565 ที่ 3.8 เท่า จากการ rollover ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565, ปรับกำไรสุทธิลง และ derate PBV ลงเล็กน้อยเพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

SAWAD รายงานกำไรไตรมาส 3/64 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 1.18 พันล้านบาท จากค่าใช้จ่ายที่สูง โดยกำไรสุทธิหดตัว YoY จากสินเชื่อที่หดตัว, loan yield ยังปรับตัวลงต่อเนื่อง และรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก FM ขณะที่กำไรสุทธิทรงตัว QoQ จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่หดตัว และชดเชยค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 จะยังทรงตัว QoQ จากการกลับมาเร่งขยายสินเชื่อจากที่ทรงตัวมาต่อเนื่อง, รายได้อื่นปรับตัวดีขึ้นจากค่าธรรมเนียมการขายประกันที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งชดเชยค่าใช้จ่ายสำรองที่จะกลับมาบันทึกเป็นปกติ

บล.เคทีบีเอสที ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลง -4% อยู่ที่4.76 พันล้านบาท (+6% YoY) และปี 2565 ลง -1% อยู่ที่ 5.22 พันล้านบาท (+10% YoY) จากการปรับลด loan growth ลง จากผลกระทบ COVID-19 ที่ยาวนานกว่าคาด และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น