PTT กำไร 2.3หมื่นล้านบ. Q3 ทะยานเฉียด 68%

HoonSmart.com>>  “ปตท.” โชว์ผลงานไตรมาสที่ 3/64 กำไร 23,653 ล้านบาท พุ่งขึ้น 67.5% จากปีก่อน แต่ลดลง 3.8% เทียบไตรมาส 2 ธุรกิจในเครือดีขึ้น แถมกำไรจากสต็อกน้ำมัน 2,000 ล้านบาท รวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 8 หมื่นล้านบาท  ได้กำไรสต็อก 39,000 ล้านบาท ปตท.สผ. รับรู้กำไรจากการซื้อแหล่งโอมาน แปลง 61  ไทยออยล์กำไรจากหุ้น UBE  260 ล้านบาท 

บริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 3/2564 มีกำไรสุทธิ 23,652.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 9,533 ล้านบาท หรือ 67.5% จากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14,120.18 ล้านบาท และลดลง 925 ล้านบาทหรือ 3.8% จากไตรมาสที่ 2/2564 มีกำไรสุทธิ 24,578 ล้านบาท รวม 9 เดือนปีนี้ มีกำไรทั้งสิ้น 80,819.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่มีกำไรสุทธิ 24,619.12 ล้านบาทช่วงเดียวกันปีก่อน

บริษัทมี EBITDA เพิ่มขึ้น 43,057 ล้านบาท หรือ 63.8% ในไตรมาสที่ 3/2563 ที่จำนวน 67,465 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวสูงขึ้นและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นสุทธิกับผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจการกลั่นตามปริมาณขายที่ลดลง ประกอบกับเกิดขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้ แม้ว่ากำไรสต็อกน้ำมันของกลุ่ม ปตท.จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นตามปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น โดยหลักจากการเข้าซื้อโครงการโอมาน แปลง 61 ในเดือน
มี.ค. 2564 และราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติก็ดีขึ้น จากธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติและ ธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ จากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ ขณะที่ในไตรมาสที่ 3/2563 มีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยหลักจากเหมืองถ่านหิน ของ บริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ (PTTGM)

สำหรับใช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มี EBITDA จำนวน 326,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172,627 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% จากช่วง9 เดือนแรกของปี 2563 ที่ 154,058 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก Accounting GRM ที่ปรับเพิ่มขึ้นจากขาดทุน 1.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ
บาร์เรล เป็นกำไร 4.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล รวมถึงส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้นทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ นอกจากนี้ยังมีกำไรสต๊อกน้ำมันของกลุ่ม ปตท. ประมาณ 39,000 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 ในขณะที่ปีก่อนมีขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 27,000 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน และธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นตามราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น และธุรกิจ
จัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากปริมาณขายก๊าซฯและราคาขายลูกค้าอุตสาหกรรมที่อ้างอิงราคาน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนค่าเนื้อก๊าซที่ปรับลดลง

” กำไรที่ดีขึ้นในช่วง 9 เดือนปีนี้ เกิดจาก EBITDA ที่เพิ่มขึ้นและมีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำตามสัดส่วนของ ปตท. โดยหลักจากการรับรู้กำไรจากการซื้อธุรกิจในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมของโครงการโอมาน แปลง 61 ประมาณ 7,000 ล้านบาทของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP)  และมีการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายและการวัดมูลค่าเงินลงทุนในบริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) ประมาณ 290 ล้านบาทของบริษัทไทยออยล์( TOP) ในขณะที่มีรับรู้การตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่เกิดจากการสำรวจและประเมินค่าบางส่วนของโครงการสำรวจปิโตรเลียมในประเทศบราซิล ประมาณ 2,900 ล้านบาทของ PTTEP และ การรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนในการร่วมค้าของ GC ประมาณ 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้มีการตัดจำหน่ายอะไหล่เสื่อมสภาพของ ปตท. ประมาณ 900 ล้านบาท สำหรับมีการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยหลักจากโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ของ PTTEP และเหมืองถ่านหินของ PTTGM รวมทั้งมีขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น ” บริษํทปตท.ระบุ