บล.คิงส์ฟอร์ดคาดหุ้นฟื้นตัว แนะ PLANB-MINT

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” มองแนวโน้มหุ้นวันนี้ฟื้นตัว แนวต้าน 1,630 -1,640 จุด แรงหนุนสัญญาณบวกท่องเที่ยวฟื้นตัว แนะสะสมกลุ่มได้ประโยชน์เปิดเมือง ค้าปลีก

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ฟื้นตัวโดยมีแนวรับที่ 1,620 จุด แนวต้าน 1,630 -1,640 จุด ได้แรงหนุนสัญญาณบวกการฟื้นตัวภาคท่องเที่ยวแนะนำซื้อสะสมกลุ่มได้ประโยชน์จากเปิดเศรษฐกิจ เช่น AOT, AAV, BA, ERW, MINT, CENTEL / ค้าปลีก CPALL, HMPRO, CRC, AWC

สำหรับดัชนี SET วานนี้ปิด -0.01% ปริมาณการซื้อขาย 86,639 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ 2.76 พันล้านบาท สถาบันขาย 191 ล้านบาท กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ -10.39% หลัง DELTA -13.50% กระทบต่อดัชนี -6.10 จุด จากคาดมีโอกาสถูกถอดออกจากดัชนี SET50 รอบใหม่จากเกณฑ์สภาพคล่องขณะกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับลดลงจากราคาต้นทุนก๊าซสูงขึ้น และอาจปรับลดค่า FT ลง แต่ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มขนส่ง +2.28% จาก AOT +3.44% หลังรัฐบาลคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศช่วงปลายปี 3 แสนราย/เดือน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่วานนี้ลดลงอยู่ที่ 6,904 ราย

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ได้ปัจจุยหนุนหลังสภาผู้แทน ฯ สหรัฐได้ผ่านร่าง กม.งบประมาณก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ลล.ดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยสร้างงานให้กับประชาชนสหรัฐ และเสริมศักยภาพการผลิตและบริการในอนาคต ส่งผลให้หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม, วัสดุปรับตัวขึ้น ขณะที่กลุ่มเดินทางปรับขึ้นรับมาตรการเปิดรับชาวต่างชาติฉีดวัคซีนครบแล้วเข้าสหรัฐได้ตั้งแต่ 8 พ.ย. จะช่วยกระตุ้นภาคบริการ

ส่วนตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับขึ้น และคาดการณ์ปัญหาคอขวดอุปทานเป็นปัจจัยชั่วคราว วันนี้ติดตามรายงานดัชนี PPI สหรัฐ ต.ค. คาดที่ +8.6% &ก.ย. +8.6% YoY และวันพุธ ดัชนี CPI สหรัฐ ต.ค. คาดที่ +5.8% % ก.ย +5.4% YoY แนวโน้มเงินเฟ้อสูงขึ้นอาจส่งผลให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น วานนี้ประธานเฟดสาขาเซ็นต์เหลุยส์เจมส์ บูลลาร์ด หนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า จากคาดการณ์ GDP สหรัฐปีหน้าขยายตัวมากกว่า 4% และอัตราว่างงานคาดต่ำกว่าระดับ 4%

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ PLANB (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมายเฉลี่ย IAA Consensus 7.00 บาท) คาดหวังผลประกอบการในปี 65 กลับมาฟื้นตัวจากอุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้าน หลังจากผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ในประเทศ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงธุรกิจบริหารสื่อส่วนอื่นๆ เช่น 7-11, Smart Bus และ Engagement Marketing (ศิลปิน, กีฬา, E-Sport) ที่จะทยอยฟื้นตัวเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกจากการเข้าลงทุนในบริษัท Zipmex ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่เติบโตเร็วสุดในเอเชียและเป็นเพียงแห่งเดียวที่ดำเนินการและปฏิบัติตามกฎหมายใน 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย โดยในอนาคตก็จะสามารถสร้าง Synergy ร่วมกับธุรกิจของ PLANB ได้ รับกระแสคริปโตบูมที่ล่าสุดสกุลเงินดิจิทัลมีมูลค่าตลาดพุ่งขึ้นสู่ระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

หุ้น MINT (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.50 บาท) ให้น้ำหนักที่ไปที่การฟื้นตัวที่รวดเร็วเป็นหลัก โดยคาดว่าธุรกิจโรงแรมโดยรวมมี RevPAR ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.64 ได้ปัจจัยหนุนจากการกระจายวัคซีนต่อเนื่องในยุโรป (ปัจจุบันมีผู้ฉีดวัคซีนในEU ที่อายุมากกว่า 18ปี แล้วครบ 2 โดสราว 75.7% ของสัดส่วนประชากร) โดย Portfolio โรงแรมของ MINT* มีสัดส่วนห้องในยุโรปราว 63% (ซึ่งปกติมี EU Demand ราว 75-80%)

ขณะที่ธุรกิจ Food ร้านอาหารในไทยช่วง 3Q64 ได้รับผลกระทบหนักจากการการระบาดของ Covid-19 สายพันธ์เดลต้า แต่ร้านอาหารในจีนและออสเตรเลียเริ่มมีสัญญาณบวกจาก SSSG ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี 64 MINT จะขาดทุนลดลงจากปี63 ที่ EPS -4.71 บ./หุ้น มาเป็น -2.94 บาท/หุ้น และปี 65 พลิกมีกำไรอยู่ที่ 0.20 บาท/หุ้น