กสิกรไทยคาดผลประชุมกนง.10 พ.ย คงดอกเบี้ย 0.5%

HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดผลประชุม กนง. 10 พ.ย. คงดอกเบี้ยที่ 0.5% หนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เกาะติดราคาน้ำมันปัจจัยเสี่ยงกดดันเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 พ.ย. นี้ กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% หลังจากเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศและการคลายล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และยังส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจ้างงาน

แม้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในปีนี้ยังคงมีจำกัด แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็มีทิศทางที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะข้างหน้า ในขณะที่ การเร่งฉีดวัคซีนคาดว่าจะส่งผลให้ประชากรไทยได้รับวัคซีนครบโดสเกิน 70% ไม่เกินต้นปีหน้าเป็นอย่างช้า ซึ่งจะส่งผลให้ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นลดน้อยลง

อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดทั้งในประเทศและต่างประเทศยังคงมีความไม่แน่นอนสูง โดยจะเห็นได้จากที่หลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ จีน อังกฤษ และรัสเซีย ต่างเผชิญกับการกลับมาเพิ่มสูงขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง ดังนั้น ในการประชุมกนง. ที่จะถึงนี้ คาดว่ากนง. น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่างๆ

แม้เงินเฟ้อจะเร่งสูงขึ้นอย่างมากจากราคาพลังงาน แต่โดยรวมระดับเงินเฟ้อของไทยจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของกนง. ที่ 1.0-3.0% อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะสูงขึ้นต่อเนื่อง หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งจะสร้างความท้าทายในการดำเนินนโยบายการเงินของกนง. ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อไทยเดือนก.ย. เร่งตัวสูงขึ้นที่ 1.7% YoY หลังจากมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟสิ้นสุดลงประกอบกับราคาน้ำมันเร่งสูงขึ้น ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าเงินเฟ้อจะเร่งสูงขึ้นอีกตามแนวโน้มราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับพื้นที่ทำการเกษตรหลายแห่งประสบปัญหาน้ำท่วม ส่งผลให้ราคาผักบางชนิดเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ดี คาดว่าปี 2564 อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 1.2% โดยภาครัฐจะยังคงตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน แต่หากราคาน้ำมันดิบโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปและไม่ย่อตัวลงในปีหน้า อาจส่งผลให้ระยะข้างหน้าอัตราเงินเฟ้อไทยอาจพุ่งสูงขึ้นเกินกว่ากรอบเป้าหมาย ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะ stagflation ท่ามกลางภาวะที่เศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่
ซึ่งปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจะส่งผลให้กนง. เผชิญความท้าทายในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า เนื่องจากหาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะยิ่งเป็นปัจจัยผลักดันให้เงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และในทางตรงกันข้าม การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาเงินเฟ้ออย่างตรงจุดและจะยิ่งฉุดรั้งการฟื้นตัวเศรษฐกิจให้อ่อนแรงกว่าเดิม