APURE แจกวอร์แรนต์ 2 ต่อ 1 นักวิเคราะห์เชียร์ซื้อ กำไรเด่น

HoonSmart.com>>”บอร์ด อกริเพียว โฮลดิ้งส์” ใจดี แจก APURE-W3 ให้ผู้ถือหุ้นเดิม 2 ต่อ 1 กำหนดวันขึ้น XW  16  ธ.ค.นี้  เพิ่มทุน 479,138,692 หุ้น รองรับการแปลงสภาพเป็นหุ้น ในราคา 7 บาท/หุ้น อายุ 3 ปี เพิ่มความแข็งแกร่งการเงิน มีเงินทุนขยายธุรกิจ  4 นักวิเคราะห์แนะนำซื้อ เป้าปีหน้าเฉลี่ย 11.80 บาท บล.เอเชียเวลท์คาดกำไรไตรมาส 3 รวม 155 ล้านบาทได้พิเศษจากขายหุ้นคืน 59 ล้านบาท ไตรมาส 4 แถมอีก 102 ล้านบาท   

น.ส. สินีมาศ โสตภิภาพนุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2564 อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 670.79 ล้านบาท เป็น 1,006.19 ล้านบาท โดยออกหุ้นใหม่จำนวน 479,138,692 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้น (APURE-W3) ที่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 17 ธ.ค. 2564 กำหนดขึ้น XW วันที่ 16 ธ.ค.นี้ สัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ จำนวน 479,138,692 หน่วย

ทั้งนี้ APURE-W3 มีอายุ 3 ปี กำหนดแปลงสภาพเป็นหุ้นในราคาหุ้นละ 7 บาท จากราคาพาร์หุ้นละ 0.70 บาท ด้านราคาหุ้น APURE ปิดที่ 8.40 บาท เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2564

บริษัทกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 8 ธ.ค. 2564 เวลา 14.30 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาเรื่องการเพิ่มทุนและแจกวอร์แรนต์

วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน  เมื่อมีการใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นจากใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าว ทำให้บริษัทมีความพร้อมและความยืดหยุ่นทางด้านการเงินสำหรับโครงการ หรือการลงทุน หรือเงินสำรองเพื่อการดำเนินงานต่างๆ ในอนาคต

” เงินเพิ่มทุนจะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงเสริมสร้างให้บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อรองรับการขยาบธุรกิจหลัก และหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัทในระยะยาว”

ด้านนักวิเคราะห์ 4 รายแนะนำ”ซื้อ” APURE ให้ราคาเป้าหมายปีหน้าเฉลี่ย 11.80 บาท โดยบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ให้มูลค่าเหมาะสมสูงที่สุด 13.40 บาท ตามด้วยบล.ฟินันเซีย ไซรัส 12 บาท บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) 11.20 บาท และ บล.เอเชีย เวลท์ ให้ราคา 10.60 บาท โดยประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2565 เท่ากับ 0.40-0.44 บาท ขณะที่ 6 เดือนแรกปีนี้ทำได้หุ้นละ 0.1595 บาท

บล.เอเชีย เวลท์ มีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 2565 ที่คาดจะเติบโตโดดเด่นทั้งการขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาต่อเนื่องและออเดอร์ที่ยังค้างส่งกว่า 30% หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้โรงแรม โรงเรียน และร้านอาหารกลับมาเปิดเป็นปกติ หนุนให้ข้าวโพดกระป๋องขนาดใหญ่กลับมาเติบโตมากขึ้น

นอกจากนี้ แผนการทำโครงการ่ต่างๆ เช่น การทำสินค้าข้าวโพดแช่แข็ง การจัดการต้นทุนค่ากระป๋องบรรจุภัณฑ์ จะเป็นผลดีต่อผลประกอบการในอนาคต

ส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาจากการจำหน่ายหุ้นซื้อคืน และสิ้นสุดโครงการแล้ว มองเป็นโอกาสในการลงทุน

บริษัทจำหน่ายหุ้นซื้อหุ้นคืนครบจำนวน 28.6 ล้านหุ้น คาดว่าจะมีกำไรพิเศษในไตรมาสที่ 3/2564  จำนวน 59 ล้านบาท และไตรมาสที่ 4 จำนวน 102 ล้านบาท

แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2564  คาดมีกำไรสุทธิ 96 ล้านบาท เติบโต 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 19% จากไตรมาสที่ 2 เมื่อรวมกับกำไรพิเศษจากการขายหุ้นคืนอีก 59 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิรวม 155 ล้านบาท มาจากรายได้รวมอยู่ที่ 695 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จาก ช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสที่ 2 ได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่าราว 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลต่อเนื่องถึงอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 31.1% สูงกว่าไตรมาสที่ 2 ที่ระดับ 30.7% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดอยู่ที่ 99 ล้านบาท ใกล้เคียงช่วงไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 96 ล้านบาท

ส่วนผลกระทบจากค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น กดดันผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 4 เล็กน้อย และคาดว่าจะกลับมาเติบโตในช่วงไตรมาสที่ 2/2565 หลังจากค่าระวางเรือปรับตัวลดลง คาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 425 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหุ้นละ 0.44 บาท ปีหน้ามีกำไรสุทธิ 557 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.58 บาท

บล.หยวนต้าให้ราคาพื้นฐาน 13.40 บาท คาดอัตราผลตอบแทนปันผลที่ระดับ 3-4%ต่อปี คาดกำไรไตรมาสที่ 3 ที่ 110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสที่ 2 จากความต้องการในยุโรปและสหรัฐเร่งตัวขึ้น แนวโน้มกำไรไตรมาส 4 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 120-130 ล้านบาท จากคำสั่งซื้อเฉลี่ย 900 ตู้ต่อเดือน รวมทั้งปี 2564 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 390 ล้านบาท เติบโต 22% และปีหน้าคาดจะมีกำไรสุทธิ 580 ล้านบาท เติบโต 49%