KKP กำไร 1.48 พันลบ. Q3/64 โต 9.7% สินเชื่อเพิ่มขึ้น 8.7%

HoonSmart.com>> “ธนาคารเกียรตินาคินภัทร” เปิดกำไรไตรมาส 3/64 กว่า 1.48 พันล้านบาท เติบโต 9.7% จากงวดปีก่อน รายได้เพิ่ม ค่าใช้จ่ายลด ด้านสินเชื่อขยายตัว 8.7% จากสิ้นปี 63

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2564 กำไรสุทธิ 1,477.76 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.75 บาท เพิ่มขึ้น 9.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,346.93 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.59 บาท

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 4,294.70 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.07 บาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,015.19 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.74 บาท

สำหรับไตรมาส 3/2564 ธนาคารมีรายได้เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 54.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยหลักจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ธุรกิจหลักต่างๆ ยังคงสามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดี ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเข่นกัน 8.3%

นอกจากนี้ธนาคารยังควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนโดยอยู่ที่ 40.8%

ด้านการตั้งสำรองธนาคารยังคงอาศัยหลักความระมัดระวังโดยมีการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับไตรมาส 3/2564 จำนวน 1,007 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ทางด้านสินเชื่อของธนาคารยังเติบโตได้ในระดับที่ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 สินเชื่อรวมของธนาคารขยายตัว 8.7% จากสิ้นปี 2563 โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพของสินเชื่ออย่างต่อเนื่องและมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและมีคุณภาพสินเชื่อที่ดี ส่งผลให้การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อโดยหลักจะมาจากการขยายตัวในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบรรษัท

ในด้านคุณภาพของสินเชื่ออัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 3.5% ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.4% เมื่อสิ้นไตรมาส 2/2564 โดยธนาคารยังคงมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับสูงที่ 158.0%

สำหรับเงินกองทุน ธนาคารยงัคงมีสถานะเงินกองทุนอยู่ในระดับที่สูงและเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยโดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 ธนาคารมีอตัราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 16.82%

ทางด้านธุรกิจตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภทัร มีส่วนแบ่งตลาด (SET และ mai ไม่รวมบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท) เพิ่มขึ้น 15.74% ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 1 จากจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 38 แห่ง