บลจ.ไทยพาณิชย์แนะกองทุนหุ้นญี่ปุ่น-ยุโรปเสริมพอร์ต

HoonSmart.com>> บลจ.ไทยพาณิชย์ แนะเสริมพอร์ตกับกองทุนตปท. การันตีด้วยกองทุน 5 ดาวจาก Morningstar มองโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มจากตลาดญี่ปุ่น รับเปิดเมืองกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัว ด้านตลาดยุโรปน่าสนใจมองหุ้นขนาดเล็กมีศักยภาพสร้างผลตอบแทนที่ดี

นันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคงมีความผันผวนจากหลาย ๆ ปัจจัย อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นยุโรป ถึงแม้ว่าตัวเลขดัชนี Composite PMI จะชะลอตัวลงจากทั้งภาคการผลิตและการบริการ รวมถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ยังคงอยู่ในระหว่างการเปิดเมืองเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้ง 2 ตลาดก็ยังคงมี valuation ที่น่าสนใจเช่นกัน

บริษัทฯ จึงแนะนำ 2 กองทุนต่างประเทศที่ได้รับการันตีคุณภาพ โดยจัดเป็นกองทุน 5 ดาวของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2564) เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ต รวมถึงนักลงทุนเพื่อต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อได้ในทุกช่องทางรวมถึงผู้สนับสนุนการขายทุกราย โดยทั้ง 2 กองทุนประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยุโรปสมอลแคป (SCB European Small Cap Equity Fund : SCBEUSM) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น (SCB Japan Equity Fund : SCBNK225)

“ที่ผ่านมาจะเห็นว่าตลาดหุ้นยุโรปขนาดเล็กมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีถึงแม้อยู่ในสภาวะที่ตลาดผันผวน โดยในบางช่วงเวลาหุ้นขนาดเล็กสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นในช่วงที่ตลาดมีอัตราการขยายตัวต่ำ โดยจากข้อมูลในอดีต หุ้นยุโรปขนาดเล็กได้ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าหุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงระยะเวลาการลงทุนระยะยาวที่มากกว่า 5 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ จากอัตราการฉีดวัคซีนในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นในยุโรป จะส่งผลให้หุ้นขนาดเล็กในยุโรปจะได้รับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องได้ สำหรับกองทุน SCBEUSM มี Universe การลงทุนที่กว้าง โดยมีบริษัทจดทะเบียนชั้นนำระดับโลกหลายแห่งที่น่าลงทุนกว่า 1,000 บริษัท ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดต่ำกว่า 4 พันล้านยูโร โดยเน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบเลือกหุ้นรายตัวโดยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และให้ความสำคัญในการคัดสรรหุ้นจากปัจจัยทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ Quality, Growth, Momentum และ Value โดยเน้นพอร์ตการลงทุนที่มีความเชื่อมั่นสูง (high-conviction) ประมาณ 40 – 50 ตัว พร้อมทั้งกระจายการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ดังนั้น การกระจายการลงทุนในในหุ้นยุโรปขนาดเล็ก จึงเป็นตัวช่วยในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ดีขึ้น” นางนันท์มนัส กล่าว

สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยุโรปสมอลแคป (ชนิดสะสมมูลค่า : SCBEUSM) จัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท Thailand Fund Europe Equity ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2564) อีกทั้งยังได้เปิดให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนในชนิดผู้ลงทุนกลุ่ม/บุคคล : SCBEUSMP เพิ่มเติมอีกด้วย โดยกองทุนมีการบริหารเชิงรุก (Active Fund) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือ European Smaller Companies Fund (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินยูโร โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จดทะเบียนภายใต้กฎหมายประเทศลักเซมเบิร์ก และอยู่ภายใต้ UCITS บริหารงานภายใต้ความดูแลของ Aberdeen Standard Investments

กองทุนหลักมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กในทวีปยุโรปและหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับหลักทรัพย์ของบริษัทที่จัดตั้งหรือจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในทวีปยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักรและตลาดเกิดใหม่ในยุโรป ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน

นางนันท์มนัส กล่าวเพิ่มเติมในส่วนของตลาดหุ้นญี่ปุ่นว่า หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อCovid-19 ระลอกล่าสุดได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศที่อยู่ในระดับสูงถึง 73% โดยคาดการณ์ว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการเปิดเมืองอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นการช่วยผลักดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การบริโภคภายในประเทศได้เป็นอย่างดี

สำหรับตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดพัฒนาแล้วเพียงประเทศเดียวที่ยังคงมีความล่าช้าในการเปิดเมือง ทำให้ผลตอบแทนของตลาดยังไม่ฟื้นตัวมากนักเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาอื่น ประกอบกับความเสถียรภาพทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาด โดยว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายฟูมิโอะ คิชิดะ ยังคงให้การสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งภาคการเงินและการคลัง รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำส่งผลให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มช้ากว่าประเทศอื่น ในขณะที่ Valuation ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยอยู่ในระดับต่ำกว่าตลาดหุ้นโลก จากปัจจัยดังกล่าว จึงแนะนำให้นักลงทุนเสริมการลงทุนในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความน่าสนใจในขณะนี้

สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น (ชนิดจ่ายเงินปันผล : SCBNK225), (ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล : SCBNK225D) และ(ชนิดเพื่อการเลี้ยงชีพ : SCBRMJP) ยังจัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท Thailand Fund Japan Equity ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2564) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิด (ชนิดผู้ลงทุนกลุ่ม/บุคคล : SCBNK225P) และ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ : SCBNK225E) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเพิ่มเติม

กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือ NEXT FUNDS Nikkei 225 Exchange Traded Fund (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินเยน เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น บริหารงานภายใต้ความดูแลของ Nomura Asset Management Co.,Ltd. กองทุนหลักมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนทั้งหมดที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีนิคเคอิ 225 และตราสารทุนที่กำลังจะมาเป็นส่วนประกอบของดัชนีนิคเคอิ 225 ในสัดส่วนการลงทุนเดียวกับจำนวนหุ้นในดัชนีนิคเคอิ 225 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ไปในทิศทางเดียวกันหรือใกล้เคียงกับดัชนีนิคเคอิ 225 ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนหรือมีไว้ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ