ASP คงเป้ารายได้โต 15% คาดดัชนีฯหุ้นไทยขึ้นได้อีกไม่เกิน 5%

“ก้องเกียรติ” ยืนเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% แม้ครึ่งปีแรกจะทำได้ 5.9% พร้อมระบุดัชนีฯหุ้นไทยขึ้นได้อีกไม่เกิน 5% เหตุไม่มีปัจจัยหนุนมากพอ

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) เปิดเผยว่า บริษัทยังยืนยันเป้าหมายการเติบโตรายได้ในปีนี้ที่ 15% เช่นเดิม แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจะมีรายได้ 1,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 1,218 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังโอกาสที่บริษัทจะสร้างรายได้ให้เติบโตตามเป้าหมาย ส่วนกำไรช่วงครึ่งปีแรกที่ลดลง 33% เป็นผลจากกำไรจากการลงทุนที่ลดลง ตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

“เรายังคงเป้าการเติบโตของรายได้ที่ 15% เช่นเดิม เพราะยังมีเวลาเหลืออีก 4 เดือนกว่าจะสิ้นปี และหากเราจะทำให้รายได้เติบโตตามเป้าหมายจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แค่ขายเงินลงทุนรายได้ก็เป็นไปตามเป้าแล้ว แต่ตอนนี้ขอเวลาพิจารณาก่อนว่าจะขายเงินลงทุนหรือไม่” นายก้องเกียรติกล่าว

ก้องเกียรติ โอภาสวงการ

นายก้องเกียรติ ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ASP เป็นบริษัทที่ทำรายได้เติบโตเฉลี่ย 7.5% ต่อปี ในขณะที่กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี และจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 7-10% ต่อปี เนื่องจากบริษัทมีการทำธุรกิจที่หลากหลายและเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ทั้งนี้ การทำธุรกิจในช่วงต่อจากนี้ไป ASP มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากการเข้าลงทุนในสตาร์สอัพ ,ไพรเวท อิควิตี้ รายได้จากการบริหารจัดการความมั่งคั่ง และรายได้จากกลุ่มคนไทยที่ซื้อขายหุ้นในต่างประเทศ

นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ดัชนีฯหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันได้ไม่เกิน 5% เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆมาสนับสนุน ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 2 แม้ว่าจะยังเติบโตได้ดี แต่ไม่ได้เติบโตดีมากกว่าที่คาดมากนัก ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ดัชนีฯลดลงไปมากกว่านี้นั้น หากเป็นเรื่องของผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ราคาหุ้นได้สะท้อนไปหมดแล้ว และหากสงครามการค้ารุนแรงมากขึ้น ดัชนีฯจะลงได้อีกไม่มาก แต่ผลกระทบจะเกิดกับหุ้นเป็นรายตัวมากกว่า

“ฟันด์โฟลว์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ถ้าจะกลับมาก็ไม่มาก เพราะในขณะที่ราคาหุ้นไทยลดลง แต่หุ้นในตลาดฮ่องกงและตลาดจีนกลับลดลงมากกว่าจนมีความน่าสนใจ อย่างหุ้นกลุ่มแบงก์ของจีน พี/อี เขาเหลืออยู่ 5-6 เท่า ถูกกว่าไทยที่พี/อี อยู่ที่ 10 เท่า”นายก้องเกียรติกล่าว