BTS ผนึกพันธมิตร พัฒนามอเตอร์เวย์ 3.9 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>BTS ผนึกพันธมิตรตั้ง “กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR” รับงานกรมทางหลวงวงเงิน 3.9 หมื่นล้านบาท ผ่านโครงการความร่วมมือภาครัฐ และภาคเอกชน (PPP) แรกของประเทศไทย พัฒนามอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน – นครราชสีมาและ สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี อายุสัญญาสัมปทาน 30 ปี

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE บริษัทบีทีเอส กรุ๊ปฯ (BTS) กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3M ซึ่งแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น MOVE , MIX และ MATCH ล่าสุด ร่วมกับพันธมิตรจัดตั้ง “กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR” โดย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) (ถือหุ้น 40%), บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) (ถือหุ้น 40%), บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STECON) (ถือหุ้น10%), และบริษัท ราช กรุ๊ป (RATCH) (ถือหุ้น10%) ลงนามกับกรมทางหลวง ภายใต้ “สัญญาการให้เอกชนร่วมลงทุนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81)” อายุสัญญาสัมปทาน 30 ปี

การลงนามสัญญาครั้งนี้ เป็นโครงการความร่วมมือภาครัฐ และภาคเอกชน (PPP) แรกของประเทศไทย ในโครงการพัฒนามอเตอร์เวย์ และจะดำเนินการเข้าพื้นที่เพื่อก่อสร้างงานระบบภายในปีนี้ โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะได้รายได้จากค่าจ้างดำเนินงาน และค่าลงทุนก่อสร้างโครงการวงเงินรวมประมาณ 39,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน – นครราชสีมา วงเงิน 21,300 พันล้านบาท และรายได้จากมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี วงเงิน 17,800 พันล้านบาท ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน 30 ปี

โดยทั้งสองเส้นทางจะเปิดให้ประชาชนทดลองวิ่งตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2566 และเปิดให้บริการเป็นทางการแบบเก็บค่าผ่านทางในช่วงต้นปี 2567

ส่วนรายละเอียดของสัญญา แบ่งเป็น 2 ระยะ โดย ระยะที่ 1 ไม่เกิน 3 ปี กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะเป็นผู้ออกแบบและลงทุนก่อสร้างติดตั้งงานระบบ และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ทั้งการก่อสร้างด่าน และติดตั้งระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น หรือ Free Flow ระบบควบคุมและบริหารจัดการจราจรอัจฉริยะ และอาคารสำนักงานต่างๆ ระยะที่ 2 กลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR จะทำหน้าที่ซ่อมบำรุงรักษาถนน และดูแลงานระบบทั้งหมดของโครงการ รวมถึงงานกู้ภัย และช่วยเหลือผู้ใช้ทางตลอด 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 30 ปีหลังเปิดให้บริการ

“เครือข่ายธุรกิจ MOVE ของบีทีเอส กรุ๊ปฯ ให้ความสำคัญกับการคมนาคมขนส่งผู้โดยสาร ทั้งทางราง ทางถนน และทางน้ำ ซึ่งมีทั้งรถไฟฟ้า, เรือด่วนเจ้าพระยา, รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โดยธุรกิจเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดด้วยการหาพันธมิตรใหม่ ผ่านกลยุทธ์ MATCH ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าของบีทีเอส กรุ๊ปฯ และสร้างโอกาสการเจริญเติบโตได้ในอนาคต” นายสุรพงษ์ กล่าว