HoonSmart.com>>บล.เอเซีย พลัส เชื่อหุ้นไทยเป็นแนวโน้มขาขึ้น ไตรมาส 4 เป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี คงเป้าดัชนีปี 64 ที่ 1,670 จุด ปี 65 ดัชนีพุ่งแตะ 1,816 จุด หุ้นเด่น ADVANC, AEONTS, CPALL, CPN, KBANK และ TOP
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 น่าจะหดตัว 5.3% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน แต่จะเห็นการฟื้นตัวในไตรมาส 4 จากการทยอยผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และผู้ติดเชื้อที่ลดลงตามลำดับ หนุนเศรษฐกิจเติบโตแบบชัดเจนขึ้นในปี 2565 คาดว่าจะเติบโตถึง 3.2% จากที่หดตัว 0.4% ในปี 2564 โดยยังคงดัชนีเป้าหมายดัชนีปีนี้ ที่ 1,670 จุด ขณะที่ปี 2565 ประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ 9.21 แสนล้านบาท เติบโตถึง 8.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ดัชนีเป้าหมายขั้นต้นที่ 1,816 จุด
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 4 แนะสะสมหุ้น 2 ธีมหลัก คือ Restart Economy และ Restructure SET50/100 เพื่อรองรับการเติบโตต่อเนื่องในปี 2565 พร้อมกับกระจายการลงทุนหลากหลาย Sector และเลือกมาเฉพาะหุ้นที่มีความโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่ม อย่างเช่น ADVANC, AEONTS, CPALL, CPN, KBANK และ TOP
กรณีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้าดัชนี SET50/100 ประเมินว่า จะสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นในช่วงสั้น เพราะในตลาดมีทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์ และได้รับผลกระทบ แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะช่วยให้ดัชนีมีเสถียรภาพ และสะท้อนความสามารถในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม
“ มี 4 ปัจจัยรบกวนตลาดหุ้น ได้แก่ 1.ความกังวลกรณีบริษัท Evergrande 2.การส่งสัญญาณลดวงเงิน QE (QE Tapering) ของเฟด 3.ความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำท่วม 4.กำไรบริษัทจดทะเบียนช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสลดลง โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 3 แต่ประเมินว่าตลาดได้ซึมซับไปแล้วในระดับนึงแล้ว”นายเทิดศักดิ์ กล่าว
นายภาดร สุขสวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนและผลิตภัณฑ์ ASPS กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ควรเน้นการกระจายการลงทุนโดยลดสัดส่วนหุ้นสหรัฐฯ ที่มี Valuation ค่อนข้างตึงตัว เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นที่ valuation ยังไม่ตึงตัวและมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว เช่น ยุโรปและญี่ปุ่น และเลือกเข้าลงทุนในธุรกิจที่มองเห็นภาพการลงทุนที่ชัดเจน ได้แก่ ธีมพลังงานสะอาด
นางสาวกฤตยภรณ์ ธาดาสีห์ หัวหน้าฝ่ายลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศ ASPS กล่าวว่า การลงทุนต่างประเทศ ต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและการขับเคลื่อนอัจฉริยะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน จึงควรเน้นการลงทุนในกลุ่มดังกล่าวตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งกลุ่มผลิตแผงโซลาร์ ผลิตกังหันลม กลุ่มผลิตและออกแบบชิพประมวลผลหรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สำหรับการพัฒนาพลังงานสะอาด และรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานสะอาด (Clean Tech) และระบบ AI ที่พัฒนาการขับเคลื่อนอัจฉริยะ