SHREIT ซื้อรร. 2 แห่งมูลค่า 5 พันล.รับท่องเที่ยวอาเซียนบูม

กองทรัสต์ SHREIT เตรียมเสนอขายหน่วยเพิ่มทุนให้ผู้ถือหน่วยเดิมสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% ส่วนที่เหลือจะเขายให้ประชาชนทั่วไป ดันขนาดทรัพย์สินกองทุนแตะ 10,000 ล้านบาท มั่นใจทรัพย์สินใหม่ศักยภาพเติบโตที่ดี จากอานิสงส์การขยายตัวนักท่องเที่ยวในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ประกาศขยายการลงทุนหลังได้รับอนุมัติไฟเขียวจากผู้ถือหน่วย ในการลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนอีก 2 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงแรม Sofitel Bali Nusa Dua Beach Resort เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และโครงการโรงแรม Hilton Garden Inn Kuala Lumpur ประเทศมาเลเซีย ลุยเพิ่มทุนกองทรัสต์ไม่เกิน 415 ล้านหน่วยและกู้ยืมเงินประมาณ 62.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,081 ล้านบาท)

นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่บริหารโดยมืออาชีพและผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT มีแผนขยายการลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ได้แก่ 1. ลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการโรงแรม Sofitel Bali Nusa Dua Beach Resort บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว ที่มีจำนวนห้องพักรวม 398 ห้อง และบ้านพักวิลล่าจำนวน 17 หลัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและห้องประชุมจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการประชุมสัมมนาระดับนานาชาติ (MICE)

2.ลงทุนกรรมสิทธิ์ในโครงการโรงแรม Hilton Garden Inn Kuala Lumpur เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีห้องพักรวมจำนวน 532 ห้อง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มาตรฐานสากลแห่งเดียวในเขต Chow Kit ใกล้กับ Kuala Lumpur City Centre (KLCC) ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองกัวลาลัมเปอร์

สำหรับทรัพย์สินทั้ง 2 แห่งที่กองทรัสต์ SHREIT เข้ามาลงทุนเพิ่มเติมนั้น มีศักยภาพการเติบโตที่ดี เนื่องจากเมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซียเป็นเมืองจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยรัฐบาลของอินโดนีเซียให้ฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยว 169 ประเทศทั่วโลก ส่งผลดีให้จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองบาหลีขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 14.6% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2017 มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนเมืองบาหลีทั้งสิ้น 5.5 ล้านคน และปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 6.5 ล้านคน

นอกจากนี้ ตลาดการประชุมและนิทรรศการ (MICE) ของอินโดนีเซีย ก็มีอัตราการขยายตัวที่ดีมากเช่นกัน โดยล่าสุดจะมีการจัดการประชุมและนิทรรศการ International Monetary Fund and World Bank Group ที่จะมีตัวแทนจากทั่วโลก 15,000 คน เข้ามาร่วมในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งส่งผลดีต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมโรงแรมในเมืองบาหลี สำหรับเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จัดอยู่ใน อันดับ10 ของเมืองที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก และมีอัตราการขยายตัวจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่อง โดยกัวลาลัมเปอร์เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่งผลให้อัตราการเติบโตเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเฉลี่ยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.8% ต่อปี ในขณะที่นักท่องเที่ยวภายในประเทศเอง ก็มาท่องเที่ยวเมืองดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 12.3% ต่อปี เช่นกัน

นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด กล่าวว่า สำหรับวงเงินที่ SHREIT จะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินทั้ง 2 แห่งนี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 5.8 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นเงินที่มาจากการเพิ่มทุนกองทรัสต์จำนวนไม่เกิน 415 ล้านหน่วย และเป็นการกู้ยืมเงินอีกประมาณ 62.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,081 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนขยายทรัพย์สินในครั้งนี้ ภายหลังจากกองทรัสต์เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะส่งผลให้ขนาดมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์เติบโตขึ้นจากเดิมประมาณ 5,000 ล้านบาทเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท และทำให้กอง SHREIT มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นๆ เทียบกับกอง REIT