S&P คงอันดับเครดิตไทยที่ BBB+จับตาการเติบโตเศรษฐกิจ-การเมือง

HoonSmart.com>>S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ มีเสถียรภาพ คาดเศรษฐกิจปี 64 โต 1.1% ส่วนปี 65-67 โตเฉลี่ย 3.6% จับตาการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม และเสถียรภาพทางการเมืองอย่างใกล้ชิด

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยมีเสถียรภาพ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. ภาคการคลังสาธารณะมีความแข็งแกร่ง แม้การดำเนินนโยบายการคลังผ่านมาตรการต่างๆของภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จะทำให้การขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564–2565 และหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น แต่คาดว่า ปี 2566 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายรัฐบาล เศรษฐกิจฟื้นตัว รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นและจัดทำงบประมาณขาดดุลลดลง

S&P คาดว่าปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตประมาณ 1.1% และเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 3.6% ต่อปี ในช่วงปี 2565-2567 จากภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 และประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปอยู่ที่ระดับเดิมก่อนเกิด โควิดตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นไปตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ อาทิ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และยังส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงทางการคลังของรัฐบาลให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังของภาครัฐ

2. ภาคการเงินต่างประเทศยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอีกทั้งสภาพคล่องและทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง โดย S&P คาดว่าสภาพคล่องต่างประเทศยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายทางการเงินและการรักษาเสถียรภาพด้านราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ

3. ปัจจัยสำคัญที่ S&P จะติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะปานกลาง