บลจ.กสิกรฯ คงมุมมอง “บวก” หุ้นจีน เชื่อ Evergrande กระทบระยะสั้น

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย คงมุมมองเป็น “บวก” ตลาดหุ้นจีน ประเมิน China Evergrande Group ขาดสภาพคล่องเป็นปัญหาในระยะสั้นคาดคุมผลกระทบได้ ด้านกองทุนรวมภายใต้บริหารบลจ.กสิกรไทย ไม่มีการลงทุนตรงใน Evergrande เผย 4 กองทุน FIF ลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ มีสัดส่วนลงทุนน้อยมาก

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย อัพเดตสถานการณ์และผลกระทบของบริษัท China Evergrande Group โดยประเมินระยะสั้น ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากการที่สภาพคล่องมีความตึงตัวและความกังวลของนักลงทุน จนกว่าจะมีความชัดเจนในแนวทางการแก้ปัญหาของ Evergande ว่าจะมีการทำข้อตกลงกับเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ในรูปแบบใด

ทั้งนี้ กลุ่มอสังหาฯคิดเป็น 3.8% ของดัชนี MSCI China ขณะที่ Evergande แม้จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่แต่ก็มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 4% เท่านั้น เพราะตลาดอสังหาฯในจีนค่อนข้างกระจายตัวอย่างมาก

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะยังไม่มีการให้ความช่วยเหลือกับ Evergrande จากทางภาครัฐ แต่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ก็มีการเพิ่มสภาพคล่องเข้ามาในระบบอย่างต่อเนื่องในตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการช่วยไม่ให้ภาคธุรกิจอื่นได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพคล่อง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องจับตาต่อไปคือ ธนาคารที่เกี่ยวข้องกับ Evergrande จะมีการดำเนินการอย่างไรบ้าง ทั้งนี้มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่น่าจะลุกลามเป็น Systematic Risk (ความเสี่ยงที่กระทบต่อตลาดทั้งระบบ)

ด้านภาครัฐของจีนจะยังคงมีเป้าหมายในการทำให้กลุ่มอสังหาฯมีการการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ลดการกู้ยืม (leverage) ด้วยการที่บริษัทต่างๆต้องผ่านเกณฑ์ Three Red Lines (เกณฑ์ที่ทาง PBOC กำหนดสำหรับการเข้าถึงสินเชื่อของกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ทั้ง 3 ข้อ จะไม่สามารถขอสินเชื่อเพิ่มได้) ซึ่งในระยะสั้นก็จะส่งผลกระทบต่อบริษัทที่มีหนี้สูง

แต่ในระยะยาวจะเป็นผลดีมากกว่าเพราะลดโอกาสในการผิดนัดชำระของบริษัทต่างๆได้ เกิดการควบรวมกิจการของบริษัทที่มีประสิทธิภาพ / ความสามารถในการทำกำไรต่ำ สอดคล้องกับความพยายามของรัฐบาลจีนที่จะลดการกู้ยืม (leverage) ในภาคเอกชนลง ทั้งการเข้มงวดมากขึ้นในกลุ่ม Shadow Banking (องค์กรที่ให้บริการสินเชื่อและบริการทางการเงินแบบเดียวกับธนาคาร แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้กฏระเบียบการควบคุมที่เข้มงวดเหมือนธนาคาร) และการปล่อยกู้ของธนาคารให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นจีนอยู่ เนื่องจากมองว่าเป็นปัญหาในระยะสั้นที่น่าจะสามารถควบคุมผลกระทบได้ และความพยายามในการลดการกู้ยืม (leverage) จะเป็นผลดีกับเศรษฐกิจในระยะยาว

สำหรับการลงทุนของบลจ.กสิกรไทย ในหุ้นและตราสารหนี้ของ บริษัท China Evergrande Group โดยกองทุนรวมของบลจ.กสิกรไทยที่ลงทุนเองโดยตรง ไม่มีการลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ของบริษัท China Evergrande Group

ส่วนกองทุนรวมของบลจ.กสิกรไทย ที่ลงทุนผ่าน Master Fund มี 4 กองทุน แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ได้แก่

กองทุนเปิดเค หุ้นเอเชีย พาสซีฟ (K-ASIAX) ลงทุนตามดัชนีผ่านกองทุนหลัก ETF ที่ลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเชียกว่า 1,000 หุ้น (มีสัดส่วนหุ้น Evergrande 0.00844% ณ 21 ก.ย.2564)

กองทุนกองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้ พาสซีฟ (K-WORLDX) ลงทุนตามดัชนีผ่านกองทุนหลัก ETF ที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกกว่า 2,000 หุ้น (มีสัดส่วนหุ้น Evergrande 0.00084% ณ 21 ก.ย.2564)

กองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้ (K-GLOBE) มีสัดส่วนผ่าน Hang Seng China Enterprises Index ETF ซึ่งเป็นหนึ่งใน ETF ที่กองทุนลงทุน (มีสัดส่วนหุ้น Evergrande 0.0005% ณ 20 ก.ย.2564)

กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) และกองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น เพื่อการเลี้ยงชีพ (KGARMF) ลงทุนผ่านกองทุนหลักที่กระจายการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลกกว่า 1,200 หลักทรัพย์ (มีสัดส่วนตราสารหนี้ Evergrande น้อยกว่า 0.02% ณ 3 ส.ค.2564)