กสิกรไทยคาดระดมทุนผ่านตราสารหนี้ยังสูงต่อเนื่องถึงปี 65

HoonSmart.com>>ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการระดมทุน/ก่อหนี้ของรัฐและเอกชนผ่านตลาดตราสารหนี้ ยังสูงต่อเนื่องถึงปี 2565 ผลจากดุลบัญชีเดินสะพัดและเงินทุนเคลื่อนย้ายมีโอกาสขาดดุลต่อเนื่อง หนุนผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของไทย ปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.8% ในปัจจุบัน ไปแตะ 1.9% ช่วงสิ้นปี 2564

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การระดมทุน/ก่อหนี้ของภาครัฐและเอกชนผ่านตลาดตราสารหนี้จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในปี 2565 และเป็นวงเงินที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องในระหว่างปี เพราะสถานะดุลบัญชีเดินสะพัดและเงินทุนเคลื่อนย้ายมีโอกาสขาดดุลต่อเนื่อง มีผลในการระบายสภาพคล่องออกเพิ่มขึ้นจากในปีนี้ ท่ามกลางปัญหาการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อีกทั้ง โอกาสที่กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอาจอ่อนไหวมากขึ้นจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะทยอยปรับลดวงเงินของมาตรการ QE (QE Tapering) ระหว่างช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทยยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น ตามความต้องการระดมทุนในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจังหวะการลดวงเงิน QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยคาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากระดับประมาณ 1.80% ในปัจจุบัน ไปที่ระดับ 1.90% ในช่วงสิ้นปี 2564 (กรอบคาดการณ์ที่ 1.70-2.10%)

ส่วนในปี 2565 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ ตามความต้องการระดมทุนในประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการจับสัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ และท่าทีเฟดที่จะนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายหลังจาก QE Tapering สิ้นสุดลง โดยสำหรับตัวแปรในประเทศ คงเน้นติดตามรูปแบบการกู้เงินของภาครัฐผ่านเครื่องมือต่างๆ และการจัดสรรจังหวะเวลาการออกตราสารหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการระดมทุนของบริษัทเอกชน (Crowding out Effect)

สำหรับภาคธุรกิจ นอกจากจะเตรียมแผนสำหรับธุรกิจในปีหน้าแล้ว คงต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องแผนการระดมสภาพคล่อง ช่องทางการกู้เงิน และช่วงเวลาของการออกหุ้นกู้ เพื่อให้ระดมสภาพคล่องได้สำเร็จในวงเงินที่ต้องการ ในจังหวะที่ต้นทุนการออกหุ้นกู้กำลังจะทยอยเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล โดยหลายบริษัทอาศัยจังหวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังขยับขึ้นไม่มาก ทยอยออกหุ้นกู้เพื่อระดมเงินไปใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2565 หรือคืนหนี้เงินกู้ของสถาบันการเงิน ทำให้สามารถล็อกต้นทุนการออกหุ้นกู้ในอายุที่ยาวขึ้นแต่มีดอกเบี้ยที่ต่ำลงกว่ารุ่นเดิมที่กำลังจะครบกำหนด