GFPT รับปีนี้กำไรลดลง ต้นทุนเพิ่มขึ้น หวังปี’65 ไปได้สวย

HoonSmart.com>> “จีเอฟพีที” เจอโควิดพ่นพิษ คาดรายได้ปี 64 ทรงตัวหรือโต 0-5% ราคาวัตถุดิบเพิ่ม-ค่าขนส่งแพง  คาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เหลือ10.5-11.5% แนวโน้มครึ่งปีหลังทรงตัวจากครึ่งแรก วางเงินลงทุนไว้ 1-1.2 พันล้านบาท ส่วน 5 สายการผลิตใหม่เริ่มเข้าไตรมาส 4   เพิ่มผลงานปี 65  หวังกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว

นายวีระ ธิตยางกรุวงศ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท จีเอฟพีที (GFPT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2564 จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 14,982.08 ล้านบาท หรืออาจจะเติบโตขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0-5% เนื่องจากปีนี้ค่อนข้างมีผลกระทบมากกว่าปีก่อนหน้า ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสภาพอากาศ ทำให้ปริมาณผลผลิตค่อนข้างผันผวน รวมถึงราคาวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน และค่าขนส่งก็ยังอยู่ในระดับที่สูง  คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นลดลงอยู่ที่ระดับ 10.5-11.5% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 14.6% ทำให้กำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,351.73 ล้านบาท

ทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลัง โดยปกติจะเติบโตกว่าครึ่งแรก แต่ในปี 2564 คาดว่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ที่มีรายได้อยู่ที่ 7,004.49 ล้านบาท ซึ่งราคาวัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารสัตว์ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นต่อจากไตรมาสก่อน  ปัจจุบันราคาข้าวโพดอยู่ที่ 11.3-11.4 บาทต่อกิโลกรัม จากไตรมาสก่อนหน้าราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 9.5 บาท  ส่วนราคาถั่วเหลืองลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 17.2-17.3 บาทต่อกิโลกรัม จากไตรมาสก่อนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 18.4 บาท

สำหรับเงินลงทุนในปี 2564 บริษัทตั้งไว้ที่ 1,000-1,200 ล้านบาท ใช้ในการขยายฟาร์มไก่เนื้อและไก่พันธุ์ ส่วนการสร้างโรงเชือดไก่แห่งใหม่เลื่อนไปก่อนรอประเมินสถานการณ์โควิดก่อน  อีกส่วนจะนำไปลงทุนในบริษัทร่วมทุน ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานแปรรูปแห่งที่ 3 ขณะที่ 5 สายการผลิตใหม่ที่มาทดแทน 5 กำลังการผลิตเดิม จะเริ่มเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 มีกำลังการผลิต 2,500 ตันต่อเดือน เมื่อเทียบกำลังการผลิตเดิมอยู่ที่ 2,000 ตันต่อเดือน

“เราประเมินภาพการส่งออกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการทยอยเปิดเมืองของหลายๆประเทศ อาทิ ยุโรป ที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยสมาคมส่งออกไก่ไทย คาดว่าปริมาณส่งออกไก่ในปี 2564  ดีขึ้นอยู่ที่ประมาณ 950,000 ตัน ส่วนทิศทางค่าเงินบาท ไม่ว่าจะอ่อนค่าหรือแข็งค่า ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเรามากอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเราป็นผู้ส่งออกและนำเข้าในช่วงเวลาเดียวกัน” นายวีระ กล่าว

ส่วนปี 2565 คาดว่าธุรกิจจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น จากฐานที่ต่ำในปีนี้ อีกทั้งได้กำลังการผลิตใหม่เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิต และแนวโน้มการส่งออกมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่ากำลังซื้อในประเทศน่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นด้วย