ดาวโจนส์ปิดดิ่ง 614 จุด วิตกหนี้เอเวอร์แกรนด์ลามทั่วโลก จับตาประชุมเฟด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ดิ่ง 614 จุด วิตกหนี้เอเวอร์แกรนด์ในจีนลุกลามตลาดการเงิน จับตาประชุมเฟดส่งสัญญาณถอน QE ด้านตลาดหุ้นยุโรป ราคาน้ำมันดิบลดลง 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 20 กันยายน 2564 ปิดที่ 33,970.47 จุด ลดลง 614.41 จุด หรือ 1.78% จากความเสี่ยงที่มากขึ้นในตลาดหุ้นจีน ขณะที่นักลงทุน จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลาง (เฟด) การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากขึ้นและการขยายเพดานหนี้ที่ใกล้ถึงกำหนด

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,357.73 จุด ลดลง 75.26 จุด, -1.70%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่14,713.90 จุด ลดลง 330.07 จุด, -2.19%

ตลาดหุ้นร่วงลงแรง โดยดัชนี DJIA ลดลงมากสุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่พ้นจาดจุดต่ำสุดของวันที่ลดลงถึง 971 จุดและดัชนี S&P ลดลงมากสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เพราะหุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดลดลงทั้งหมด

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) เพิ่มขึ้นเหนือระดับ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

สาเหตุที่ตลาดร่วงแรงมีด้วยกัน 5 ข้อ ได้แก่ หนึ่งนักลงทุนวิตกต่อสถานการณ์ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ผู้พัฒนาตลาดบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนซึ่งมีหนี้จำนวนมากที่อาจจะผิดนัดชำระหนี้นั้น ลุกลามไปสู่ตลาดการเงิน หลังจากที่ตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อวานนี้ร่วงลง 4%

สองนักลงทุน จับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดที่เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้ ด้วยความกังวลว่าเฟดจะส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ขณะที่เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นละตลาดแรงงานปรับตัวดีขึ้น

สามการระบาดของไวรัสเดลตาที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงเท่ากับระดับเดือนมกราคม ขณะที่เริ่มเข้าสู่หน้าหนา สี่เดือนกันยายนมักเป็นเดือนที่ภาวะตลาดแย่ที่สุดของปีลดลงเฉลี่ย 0.4% และการเทขายจะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของเดือน

ห้านักลงทุนกังวลเกี่ยวกับกำหนดการขยายเพดานหนี้สาธารณะที่ต้องผ่านสภาคองเกรสภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากไม่เห็นชอบก็อาจทำให้กระทบต่อฐานะการคลังและเกิดการชัตดาวน์ของภาครัฐ

หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดลง โดยหุ้นฟอร์ดลดลงกว่า 5% หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ลดลง 3.8% หุ้นโบอิ้งลดลง 1.8%

กลุ่มพลังงานลดลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงราว 2% จากความวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดย หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 2.66% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.06%

ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้นเพราะนักลงทุนเลี่ยงความเสี่ยงจากหุ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 1.31% และทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง โดยหุ้นแบงก์ออฟอเมริกาลดลง 3.4% หุ้นเจพีมอร์แกน เชสลดลง 3%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารที่ลดลง 4.1% ซึ่งเป็นการลดลงมากสุดตั้งแต่ต้นปี หลังจากความเชื่อมั่นถูกสั่นคลอนจากกรณีปัญหาหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ผู้พัฒนาตลาดบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีน ขณะเดียวกันนักลงทุน จับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลาง(เฟด)ที่เริ่มขึ้นแล้วเมื่อวานนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 454.12 จุด ร่วงลง 7.72 จุด, -1.67%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,903.91 จุด ลดลง 59.73 จุด, -0.86%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ ,455.81 จุด ลดลง 114.38 จุด, -1.74%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,132.06 จุด ร่วงลง 358.11 จุด, -2.31%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 70.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 73.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล