ส่งออกก.ค.โต 8.27% ขยายตัวต่อเนื่อง 17 เดือน

กระทรวงพาณิชย์ เผยส่งออกเดือน ก.ค. ตลาดหลักขยายตัวดี ยกเว้นสหรัฐอเมริกา ลดลง 1.9% เป็นครั้งแรกในรอบ 21 เดือน พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนซื้อโทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้าลดลง ส่วนนโยบายการค้ามีผล
กระทบไม่มาก

นางสุรีย์พร สหวัฒน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศในเดือน ก.ค.2561 การส่งออกมีมูลค่า 20,423 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 8.27% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,940 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 10.53% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 516 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนการส่งออกในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.2561) มีมูลค่า 146,235 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 10.57% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 143,296 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 14.84% ส่งผลให้ดุลการค้า 7 เดือนแรกปี 61 เกินดุล 2,939 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

“การส่งออกในเดือนก.ค.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ตลาดหลักส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้ดี ทั้งตลาดสหภาพยุโรป ที่ขยายตัวได้ 9% และตลาดญี่ปุ่น เติบโต 11.7% มีเพียงตลาดสหรัฐอเมริกา ที่ลดลงเล็กน้อย 1.9% ซึ่งถือว่าเป็นการส่งออกที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 21 เดือน”นางสุรีย์พรกล่าว

สินค้าสำคัญที่การส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง เช่น โทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่วนสินค้ากุ้ง เป็นผลจากการขาดแคลนวัตถุดิบ ขณะที่สินค้าแผงโซลาร์เซลล์, เครื่องซักผ้า และเหล็ก เป็นผลมาจากการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศ ส่วนสินค้าคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เป็นการส่งออกที่ลดลงชั่วคราว มีแนวโน้มจะกลับมาผลิตและส่งออกได้เพิ่มขึ้นในระยะถัดไป เนื่องจากผู้ประกอบการจะย้ายฐานการผลิตจากมาเลเซียกลับมายังประเทศไทย

สำหรับผลจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ยังไม่กระทบต่อการส่งออกของไทยมากนัก การส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ดี และขยายตัวได้มากกว่า 1 หลัก เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง, เครื่องปรับอากาศ และรถยนต์

สำหรับการส่งออกสินค้าในกลุ่มต่าง ๆ นั้น พบว่ากลุ่มอุตสาหกรรม ขยายตัว 7.7% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 โดยสินค้าที่ขยายตัวสูง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ขณะที่สินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 3.2% โดยสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ น้ำตาลทราย, ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป, ทูน่ากระป๋อง และเครื่องดื่ม เป็นต้น

แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังขยายตัวได้ดีสอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก แม้จะมีความผันผวนจากปัจจัยชั่วคราว เช่น ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า ความผันผวนของตลาดการเงิน ตลาดทุนโดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ซึ่งอาจกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยน และการส่งออกของไทยบ้าง แต่ประเทศไทยได้กระจายการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ และมีศักยภาพในการขยายตลาดมากขึ้นในอนาคต จะช่วยลดทอนความเสี่ยงและผลกระทบได้ สนับสนุนให้การส่งออกในปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8% อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์เงินบาทที่อ่อนค่าลงเป็นโอกาสดีต่อผู้ส่งออก และทำให้รายได้การส่งออกในรูปเงินบาทสูงขึ้น แต่ผู้ส่งออกเองก็ควรทำประกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและสถานการณ์ทางการค้าด้วยเช่นกัน

“ช่วงเดือน ต.ค.จะมีการประชุมทูตพาณิชย์ คงจะมาทบทวนเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ร่วมกันอีกครั้ง แต่ตอนนี้ยังขอคงเป้าหมายไว้ที่ 8% ไปก่อน เชื่อว่าจะได้ใกล้เคียงกับที่กำหนดไว้ เพราะผู้ประกอบการก็มีความเชื่อมั่นว่าการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตได้ดี” นางสุรีย์พรกล่าว

ทั้งนี้ หน่วยงานหลายแห่งมีการปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกในปีนี้แล้ว เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ถึง 10% ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าการส่งออกจะขยายตัว 9% เป็นต้น