HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 292 จุด หลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตเสนอขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล กลบข่าวตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนส.ค.เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด คลายกังวลเฟดลด QE เร็วกว่าคาด ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลดลง ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 14 กันยายน 2564 ปิดที่ 34,577.57 จุด ลดลง 292.06 จุด หรือ 0.84% แม้เงินเฟ้อดีกว่าคาด นักลงทุนกังวลกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความเป็นไปได้ที่มีการจะปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,443.05 จุด ลดลง 25.68 จุด, -0.57%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่15,037.76 จุด ลดลง 67.82 จุด, -0.45%
ในช่วงแรกตลาดได้รับแรงหนุนจากเงินเฟ้อเดือนสิงหาคมที่ต่ำกว่าคาด โดยกระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบรายปีต่ำกว่า 5.4%ที่นักวิเคราะห์คาด และอ่อนตัวลงจาก 5.4% เดือนกรกฎาคม และเมื่อเทียบรายเดือนเพิ่ม 0.3% ต่ำกว่า 0.4% ที่นักวิเคราะห์คาด
เงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด สนับสนุนความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง (เฟด) ว่าเงินเฟ้อเป็นภาวะชั่วคราว และทำให้ตลาดคลายกังวลต่อการลดการซื้อพันธบัตรของเฟด แม้หากจะเริ่มเร็วกว่าที่คาดไว้
ลิซ แอนน์ ซอนเดอร์ นักวิเคราะห์จาก Charles Schwab มองว่า ในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า ข้อมูลเศรษฐกิจจะยิ่งมีความสำคัญเพราะจะชี้ว่าเศรษฐกิจอ่อนแอดังที่สะท้อนจากข้อมูลการจ้างงานเดือนสิงหาคมหรือเริ่มปรับตัวดีขึ้น
อาร์ต โฮแกน นักวิเคราะห์จาก National Securities เชื่อว่าเฟดจะเริ่มพูดถึงการลดซื้อพันธบัตรและไม่ประกาศจนกว่าจะถึงการประชุมเดือนพฤศจิกายนและเริ่มดำเนินการก่อนสิ้นปี
ด้านเกร็ก บาสสัค นักวิเคราะห์จาก AXS Investments ระบุว่า นักลงทุนยังระมัดระวัง นอกจากข้อมูลเศรษฐกิจแล้วยังกังวลเกี่ยวการระบาดของไวรัสเดลตา ความไม่แน่นอนในการดเนินนโยบายของเฟด และสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 กันยายนนี้ เพื่อรอความชัดเจนการลดการซื้อพันธบัตรรายเดือนจาก 120 พันล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครตได้เสนอให้มีการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล จากระดับ 21% สู่ระดับ 26.5% รวมทั้งเสนอให้เก็บภาษีคนรวยเพื่อนำเงินมาใช้ตามร่างกฎหมายงบประมาณวงเงิน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเศรษฐกิจปรับตัวลดลง ทั้งกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน
โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 2.16% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ลดลง 1.82% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ลดลง 1.93% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส ลดลง 1.69%
หุ้นแอปเปิลลดลง 0.96% แม้เปิดตัว iPhone 13
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเหมืองแร่ที่ลดลง 1.9% นักลงทุนตอบสนองต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนสิงหาคมที่ต่ำกว่าคาด ว่าอาจจะเป็นปัจจัยให้ธนาคารกลางหรัฐฯ(เฟด) กำหนดเวลาลดพันธบัตร
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 467.65 จุด ลดลง 0.04 จุด, -0.01%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,034.06 จุด ลดลง 34.37 จุด, -0.49%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,652.97 จุด ลดลง 23.96 จุด, -0.36%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,722.99 จุด เพิ่มขึ้น 21.57 จุด, +0.14%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 70.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 73.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล