บล.คิงส์ฟอร์ดแนะทยอยซื้อแถว 1,610–1,615 จุด ชี้เป้าหุ้น LEO-SHR

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด แนะทยอยซื้อแถวแนวรับ 1,610 – 1,615 จุด ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงกังกวลเสนอปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 26.5% และภาษีกำไรจากเงินลงทุน ปันผลที่ 28.8% ด้านเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดลดความกังวลเฟดเร่งลด QE หุ้นแนะนำวันนี้ LEO-SHR

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด แนะนำทยอยซื้อบริเวณแนวรับดัชนี 1,610 – 1,615 จุด มีแนวต้าน 1,630 – 1,635 จุด เช่น กลุ่มการเงิน KBANK, SCB, SAWAD, MTC, / ท่องเที่ยว AOT, CENTEL, MINT, ERW/ ค้าปลีก CPN, CPALL,TNP/ กลุ่มปิโตร &โรงกลั่น TOP, IVL

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.84%, S&P500 -0.57%, Nasdaq -0.45%กลุ่มพลังงาน -1.55% กลุ่มธนาคาร -1.41% นักลงทุนเริ่มกังวลต่อการปรับภาษีนิติบุคคลและภาษีกำไรจากเงินลงทุน แม้ว่ารายงานดัชนี CPI สหรัฐ ส.ค. +0.30% MoM ต่ำกว่าคาด +0.40% จะช่วยลดความกังวลเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย ยังรอการประชุมเฟดวันที่ 21 – 22 ก.ย.

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.61% กลุ่มทรัพยากรเหมืองแร่ -1.19%, ธนาคาร -1.10% ขณะที่กลุ่มสินค้าหรูหราแบรนด์เนมปรับลดลง จากประเด็นติดเชื้อ Covid-19 ในจีนจะส่งผลต่อกำลังซื้อ

สำหรับดัชนีหุ้นไทยวานนี้ -0.61% ปริมาณการซื้อขายลดลงอยู่ที่ 8.4 หมื่นล้านบาท สถาบันซื้อ 278 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ 350 ล้านบาท พอร์ตโบรกซื้อ 420ล้านบาท ดัชนีผันผวนหลัง ตลท.กำลังพิจารณาเกณฑ์นำหุ้นในคำนวณดัชนี SET50, SET100 ในต้นปีหน้า ที่จะนำเกณฑ์ Free Float เข้ามาคำนวณส่งผลให้ DELTA -10.74% กระทบดัชนี -7 จุด, INTUCH -5.76% กระทบดัชนี -1.28 จุด

ขณะที่กลุ่มหนุนดัชนี คือ พลังงาน +0.99%, ปิโตรเคมี +0.83% ได้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น และท่องเที่ยว +0.66%ก.ท่องเที่ยวเตรียมเปิดท่องเที่ยวนำร่องใน 5 จังหวัดในวันที่ 1 ต.ค. ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน, ทัวร์เที่ยวไทย ภาพรวมประเมินดัชนี SET ได้แรงหนุนจากการเริ่มเปิดเศรษฐกิจในช่วง ต.ค. แต่อาจผันผวนจากหุ้น Market Cap.ใหญ่มี Free Float ต่ำ และรอผลการประชุมเฟดวันที่ 21 – 22 ก.ย.

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ LEO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.70 บาท) บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ปี 64 เพิ่มขึ้นเป็น 2.1-2.2 พันล้านบาท เติบโต 80-85%YoY จากเดิมที่คาดเติบโต 40-45%YoY โดยได้นับปัจจัยหนุนจากค่าขนส่งทั้งทางเรือและทางอากาศที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และปริมาณการขนส่งสินค้ามีจำนวนมากขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 เริ่มคลี่คลาย

ทั้งนี้ในช่วง 3Q64 เป็นช่วง High season ของการขนส่งสินค้าเพื่อที่จะสต๊อกของรองรับช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีขึ้นในช่วงปลายปี ประกอบกับบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากความร่วมมือกับ China post ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศไทย-จีน ทำให้ผลประกอบการจะออกมาดีต่อเนื่อง พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนเดินหน้า M&A โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ 2-3 ดีล ในเวียดนาม และอินโดนีเซีย คาดจะเห็นความชัดเจนในปี 65

หุ้น SHR (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.90 บาท) คาดหวังการฟื้นตัวที่รวดเร็วจากพอร์ตโรงแรมที่มีสัดส่วนอยู่ใน UK มากถึง 67%(นับตามจำนวนห้อง) ซึ่งเป็นประเทศที่ประชากรได้ฉีดวัคซีน Covid-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส มากกว่า 70% ขณะที่คาดว่าโรงแรมใน Maldives(สัดส่วน 9% จำนวนห้อง) ยังได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวรัสเซียและอินเดีย โดยยอดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศใน Maldives ช่วงวันที่ 1-25 ส.ค.64 อยู่ที่ 120,529 ราย สูงกว่าระดับปกติ Pre-Covid ในปี62 ที่ 120,341 รายแล้ว

ด้านโรงแรมในไทย(สัดส่วน 13% จำนวนห้อง) รับ Sentiment บวกจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี64 และ 65 SHR* จะขาดทุนลดลงต่อเนื่องจากปี63 ที่ EPS -0.66 บ./หุ้น มาเป็น -0.29 บ./หุ้น และ -0.05 บ./หุ้น ตามลำดับ