HoonSmart.com>> “โอเชี่ยน คอมเมิรช” คาดล้างขาดทุนสะสม 85 ล้านบาทในปี 64 รับรู้รายได้ยอดโอนโครงการ Ikon Sukhumvit 77 สิ้นปีแตะ 78% ตุน Backlog 600 ล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ด้านธุรกิจกัญชง-กัญชามีรายได้ปีนี้ 15-20 ล้านบาท ปีหน้าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ดันสัดส่วนกัญชง-กัญชา ขึ้นเป็น 40% อสังหาริมทรัพย์ 60%
นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ภายในปี 2564 จากสิ้นไตรมาส 2 มีขาดทุนสะสมอยู่ที่ 84.66 ล้านบาท โดยมาจากการทยอยรับรู้รายได้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในโครงการ IKON SUKHUMVIT 77 มูลค่าโครงการรวม 1,170 ล้านบาท คาดว่ายอดการโอนจนถึงปีสิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ 78% รวมถึงบริษัทฯมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ในปี 2564-2565 และมีรายได้จากธุรกิจกัญชงและกัญชาอีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาต EIA เพื่อเริ่มก่อสร้างโครงการ IKON UDOMSUK มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายล่วงหน้าแล้ว 85% คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาส 4/2565 และเริ่มโอนทันที อีกหนึ่งโครงการ THE VALOR มูลค่าโครงการ 480 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน เพราะเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อที่เติบโตได้ต่อเนื่อง และมีความต้องการสูง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความต้องการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้และเริ่มโอนในช่วงต้นปี 2565
นายธีร กล่าวว่า บริษัทฯร่วมมือกับ 2 พันธมิตร ในตลาดธุรกิจกัญชงและกัญชา ที่จะผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยได้ร่วมมือกับบริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) หรือ JP ในฐานะโรงงานผลิตยา , อาหารเสริม , เครื่องสำอาง , สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินบำรุงร่างกาย รวมทั้งกาแฟเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาและอาหารเสริมกับองค์การคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า กว่า 2,000 ผลิตภัณฑ์ และบริษัท แคนนาบิซ เวย์ ที่เป็นผู้ออกแบบและพัฒนาระบบปลูกกัญชงและกัญชาอัจฉริยะ เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับบริษัทฯ
ทั้งนี้บริษัทตั้งบริษัทย่อย เค ที ดี เอ็ม (KTDM) เพื่อลงทุนเครื่องจักรสกัดสารกัญชง เครื่องส
กัดมีจุดเด่นเฉพาะตัว ในการสกัดสาร CBD ที่สามารถละลายในน้ำได้ สามารถผสมเครื่องดื่มได้ทันที ต่างจากคู่แข่งในตลาดที่ยังไม่มีใครสามารถทำได้ ปัจจุบันได้ตั้งเครื่องจักรไว้ที่โรงงานของ JP เรียบร้อยแล้ว ในเบื้องต้นบริษัทได้นำเข้าเครื่องจักรขนาดกำลังการผลิต 300 กิโลกรัมต่อเดือน สามารถแยกสาร CBD ได้ 4 รูปแบบ เริ่มตั้งแต่ FULL SPECTRUM , BROAD SPECTRUM , CBD ISOLATE และ WATER SOLUBLE CBD ISOLATE และในอนาคตจะลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต นำเข้าเครื่องจักรเข้ามาอีก ใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท
ส่วนบริษัท แคนนาบิซ เวย์ ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ติดตั้งระบบในพื้นที่ปลูกของบริษัทที่จัดตั้งเป็น “CBD Agro-Tech Center” บนเนื้อที่กว่า 36 ไร่ ด้วยระบบการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ปรับให้เหมาะสมกับทุกสายพันธุ์ เพื่อรองรับการปลูกกัญชงและกัญชาคุณภาพได้มากกว่า 250,000 ต้นต่อปี และปี 2565 ที่ 1 ล้านต้น รวมถึงมีโครงการขยายพื้นที่การผลิตให้ครอบคลุมกว่า 1,000 ไร่ทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อการลงทุนสูงที่สุด และได้กัญชงและกัญชาที่มีคุณภาพส่งเข้าสู่ภาคธุรกิจในทุกภาคส่วน และเข้าสู่อุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำ
อย่างไรก็ตามการจะเริ่มสกัดสาร CBD นั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตการสกัดจากทาง อย.ถ้าได้รับอนุญาต ก็สามารถเริ่มการผลิตได้ทันที ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามาบ้างแล้ว และได้มีการพูดคุยกับกับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของแบรนด์อื่นๆ ในการร่วมมือกันพัฒนาและวิจัยเพิ่มเติมด้วย โดยในปี 2564 คาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจสกัดสารกัญชงและกัญชาประมาณ 15-20 ล้านบาท และปี 2565 คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทได้ศึกษาการสกัดสมุนไพรอื่นๆเพิ่มเติม อาทิ กระท่อม เป็นต้น
“ผมมีความมั่นใจได้ว่าในปี 2564 จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ โดยเป้าหมายแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง ก็คือการล้างขาดทุนสะสม และกลับมามีกำไรได้ เพื่อสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งเราได้แสวงหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับ OCEAN แต่หากปี 2564 ยังไม่สามารถล้างขาดทุนได้ ในปี 2565 เราเชื่อว่าจะล้างขาดทุนได้แน่นอน มีการเติบโตรออยู่แล้ว ทั้งจากการเริ่มโอนของ 2 โครงการใหม่ และการเริ่มสกัดสาร CBD ของธุรกิจกัญชง ที่เป็นเทรนการเติบโตในอนาคต คาดว่าสัดส่วนรายได้ปี 2565 จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 60% และ ธุรกิจกัญชงและกัญชาอีก 40%” นายธีร กล่าวทิ้งท้าย