PJW จ่อเพิ่มเป้ารายได้ปี 64 โตเกิน 10% ทุกธุรกิจเพิ่ม เริ่มขายสินค้าการแพทย์

HoonSmart.com>> “ปัญจวัฒนาพลาสติก” คาดรายได้ 64 โต 10% หลังจบไตรมาส 3 อาจจะปรับเป้าขึ้นอีกครั้ง ไตรมาส 4 ยอดขายทุกกลุ่มโตดี เริ่มรับรู้รายได้สินค้าการแพทย์ ส่วน ปี 65 เฉพาะอุปกรณ์เข็มฉีดยาเก็บเกี่ยว 300 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ทุ่นลอยน้ำขายมากขึ้น  โรงงานจีน คาดเริ่มมีกำไร  

วิวรรธน์ เหมมณฑารพ

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2564 จะเติบโตใกล้เคียงระดับ 10% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่เติบโต 8-10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,819.83 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกเติบโตแล้ว 12% อยู่ที่ 1,549.58 ล้านบาท ส่วนผลกระทบจากโควิด-19 ก็มีกระทบบ้างในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. แต่ไม่มีนัยสำคัญต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้  ในเดือน ก.ย.เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวแล้ว ถ้าจบช่วงไตรมาส 3 อาจจะพิจารณาปรับเป้าหมายรายได้ขึ้นอีกครั้ง

ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 4 คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น จากยอดขายในทุกๆผลิตภัณฑ์  คาดว่าตลาดต่างประเทศจะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก ส่วนในประเทศเอง จะเริ่มมีการกระจายวัคซีนที่ดีขึ้น มีวัคซีนทางเลือกมากขึ้น  ส่งผลให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยประเมินว่าผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตโดดเด่น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น

ขณะเดียวกันโรงงานในประเทศจีน เริ่มมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น แม้ว่ายังมีผลขาดทุนอยู่ก็ตาม คาดว่าจะเริ่มกลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ปี 2565 ส่วนโรงงานพ่นสี ก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯยังคงเดินหน้าลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมความแข็งแกร่งในการผลิต ผ่านโครงการ Total Productive Maintenance (TPM) เพื่อช่วยให้ผลประกอบการของทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศมีการเติบโตที่ดียิ่งขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนที่เหลืออีก 40% ของเงินลงทุนรวมทั้งปีที่ 130 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มระบบและเครื่องจักรภายในโรงงานที่ชลบุรี เพื่อลดต้นทุน

ส่วนธุรกิจอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ คาดว่าจะเริ่มมีรายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4  แต่ยังไม่ได้ช่วยภาพรวมผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในปี 2565 คาดว่าจะเริ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโต โดยประเมินอุปกรณ์เข็มฉีดยา (Syringe) เพียงอย่างเดียว ที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% หรือประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับยอดขายของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ส่วนเรื่องการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดว่าจะมีแผนชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 นี้

ด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์ทุ่นลอยน้ำ เพื่อรองรับการลงทุนโครงการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนน้ำ (Floating Solar) บริษัทได้มีการเจรจากับผู้ผลิตที่ประเทศจีน เพื่อให้บริษัทฯเป็นผู้ค้าขายสินค้าให้แทน ส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทเอง ก็มีการขายต่อเนื่อง โดยในปี 2565 คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มมากขึ้น จากการนำโครงการออกประมูลอย่างต่อเนื่องของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

“เรื่องเงินบาทที่อ่อนค่านั้น เราไม่ได้ประโยชน์ในทางตรง แต่ได้ประโยชน์ในทางอ้อม จากการที่เราผลิตชิ้นส่วนให้ลูกค้าที่เป็นฐานการผลิตอยู่ในประเทศไทย และส่งออกไปยังต่างประเทศ ทำให้ลูกค้าของเรามีการเติบโตที่ดีขึ้น ก็ส่งผลให้ในเชิงปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้นด้วย หรือเติบโตตามทิศทางการเติบโตของลูกค้า ส่วนกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต เราก็มีแผนรองรับไว้แล้ว โดยการนำธุรกิจใหม่เข้ามาชดเชยรายได้จากธุรกิจเดิมที่คาดว่าจะหายไป” นายวิวรรธน์ กล่าว