YLG คาดลด’คิวอี’กดดันทองไม่แรง เผย 3 ปัจจัยหนุนราคา

HoonSmart.com>> “วายแอลจี” วิเคราะห์ทิศทางทองคำ กรณีเฟดลดวงเงินทำ QE ปีนี้ ผลกระทบเชิงลบอาจไม่หนักเท่าปี 56 ชี้มี 3 ปัจจัยบวกสำคัญหนุนราคาในระยะยาว ชี้ปริมาณเงินยังอยู่ในระบบมหาศาล บั่นทอนแนวโน้มดอลลาร์ ความต้องการทองคำจากจีน-อินเดียฟื้นตัว ด้านเงินเฟ้อยังสูง แนะนักลงทุนทำกำไรตามรอบได้ แนวรับสำคัญ 1,775-1,773 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ แนวต้านระยะสั้น 1,809-1,814 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส  (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของทิศทางทองคำในช่วงนี้ ยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวในระยะสั้น และพักฐานในระยะกลาง แต่ในระยะยาวสัญญาณยังดูดี

ทั้งนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวขึ้นลงสลับกันไป โดยมีปัจจัยหลักมาจากการรอดูทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีการปรับลดวงเงินการทำ QEภายในปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ดีเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2556 ซึ่งในปีนั้นเฟดได้ประกาศลดการทำ QE ส่งผลให้ราคาทองคำลดลงถึง28%

สำหรับการปรับตัวลดลงของทองคำจากการลดวงเงิน QE ในปี 2556 นั้นจะมีจุดที่น่าสนใจ3ข้อ ดังนี้

1.ราคาทองคำจะตอบสนองในเชิงลบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดมากที่สุดในช่วงก่อนที่เฟดจะดำเนินการลดQEจริง

2.ราคาทองคำยังปรับตัวลงต่อในช่วงที่เฟดเริ่มลดQEครั้งแรกไปจนถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก แต่การตอบสนองเชิงลบไม่มากเท่าระยะแรก และราคามีการปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในเดือนที่เฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก

3.ราคาทองคำเริ่มยกฐานขึ้นนับตั้งแต่เฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนธ.ค.ปี2558

อย่างไรก็ตามหากเฟดมีการปรับลดวงเงินQEในปีนี้มองว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำที่แตกต่างไปจากเมื่อครั้งปี 2556 เนื่องจากปัจจุบันราคาทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามนโยบายเฟดอย่างเดียว แต่มาจากปัจจัยที่มากขึ้น และในปีนี้ก็ยังมีปัจจัยบวกที่น่าสนใจ 3 ข้อ ได้แก่

1.แม้เฟดจะประกาศลดวงเงิน QEแต่ปริมาณเงินมหาศาลที่ทั้งธนาคารกลางและรัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเข้าไปในระบบจะยังไม่หายไปทันที ซึ่งจะส่งผลให้การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในกรอบจำกัด

2.ความต้องการทองคำที่เริ่มฟื้นตัวจากจีนและอินเดีย ซึ่งจีนเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด19ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอินเดียเองก็เริ่มมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ความต้องการทองคำกลับมาอยู่ในระดับสูง

3.อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง

ดังนั้นมองว่าหากเฟดปรับลด QE จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาทองคำอย่างแน่นอน แต่อาจจะไม่มากเท่าปี 2556 ส่วนคำแนะนำนักลงทุนนั้น ในระยะสั้น ระยะกลางยังสามารถทำกำไรตามรอบ โดยอาศัยการดูแนวรับแนวต้านในระยะสั้นมองแนวรับสำคัญที่ 1,775-1,773 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 27,500 บาท แนวรับนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก หากหลุดควรตัดขาดทุน แล้วรอซื้อในแนวรับที่ต่ำกว่าเพราะถ้าหลุดแนวรับนี้ราคาทองคำจะพักฐานที่ลึกมากขึ้น

ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,809 1,814 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าผ่านได้สามารถเข้าซื้อเพื่อทำกำไรได้ และหากดีดตัวขึ้นไปแนะนำให้ขายทำกำไรออกไปก่อน สำหรับแนวต้านสำคัญมองที่1,833ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าผ่านได้ถึงจะเป็นสัญญาณที่ดี

ส่วนการให้บริการของ YLG ยังคงมอบโปรโมชั่นลดค่าคอมมิชชั่น 80% สำหรับนักลงทุนในตลาดTFEXและได้เพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนหน้าใหม่สามารถซื้อขายทองคำออนไลน์เรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่น YLG Trader ที่รองรับระบบ iOS ทำให้นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสามารถลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งมีความปลอดภัยสูง ส่วนนักลงทุนที่ไม่ได้ใช้ระบบiOSสามารถสมัครออนไลน์ คลิก www.ylgopenacc.com หรือปรึกษาการลงทุนทองคำแท่งCall center : 02 687 9892, 02 687 9893, 02 687 9888ต่อ1สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในTFEXซึ่งรวมการให้บริการเทรดทองคำ หุ้น และค่าเงิน คลิก https://www.ylgfutures.co.th/th/contact-us/contact-information