HoonSmart.com>> “บลจ.บางกอกแคปปิตอล” ออก 2 กองทุน “บีแคป โกลบอล มัลติ แอสเซท (BCAP-GMA) บีแคป โกลบอล มัลติ แอสเซท พลัส (BCAP-GMA Plus)” ผนึก PICTET หนึ่งในไพรเวทแบงก์ชั้นนำของโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นที่ปรึกษาการลงทุน นำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์บริหารสินทรัพย์ ช่วยต่อยอดบริการบริหารความมั่งคั่งให้ลูกค้าแบงก์กรุงเทพ พร้อมเปิดขาย IPO ระหว่าง 16 -22 ก.ย.64
นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ บีแคป กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง บลจ.บีแคป กับ PICTET กลุ่มธุรกิจบริการไพรเวทแบงก์ชั้นนำของโลก จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำมาสู่การตั้งกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล มัลติ แอสเซท (BCAP -GMA) และกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล มัลติ แอสเซท พลัส (BCAP -GMA Plus) ซึ่งในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ บลจ.บีแคป ในการร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำของโลก เพื่อที่จะสามารถนำเสนอกลยุทธ์การบริหารความมั่งคั่งระดับโลก ที่ออกแบบมาให้เฉพาะลูกค้าธนาคารกรุงเทพเท่านั้น
เนื่องจากการลงทุนของ BCAP-GMA และ BCAP-GMA Plus เปรียบเสมือนการได้รับคำแนะนำการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในการบริหารพอร์ตการลงทุนของลูกค้า ทั้งนี้บริการไพรเวทแบงก์ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและครองอันดับหนึ่งในการบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งและได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวมหาเศรษฐีทั่วโลกมาตลอดศตวรรษ
“บลจ.บีแคป ร่วมมือกับ PICTET เพื่อออกแบบพอร์ตการลงทุนมาตรฐานระดับโลก โดย PICTET จะมีคณะกรรมการลงทุนและทีมงานที่มีประสบการณ์สูง ที่จะให้คำแนะนำในทิศทางการลงทุนและจัดสรรสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด โดย บลจ.บีแคปจะทำการลงทุนและปรับพอร์ตของกองทุน BCAP-GMA และ BCAP-GMA Plus ภายใต้คำแนะนำของ PICTET อย่างใกล้ชิด” นางเมธ์วดีกล่าว
ทางด้าน เอเวอลีน โยว ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน ภูมิภาคเอเชีย Pictet Wealth Management กล่าวว่า มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ บลจ.บางกอกแคปปิตอล ในเครือธนาคารกรุงเทพ โดยความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถในด้านการลงทุนของ บลจ.บีแคป โดย Pictet จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการคัดเลือกสินทรัพย์และจัดสรรสินทรัพย์ทั่วโลก มาให้คำแนะนำในการลงทุนใน 2 กองทุนนี้ ซึ่งเราหวังว่าจากความร่วมมือกันของทั้ง 2 สถาบันการเงินนี้ จะทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ในการเข้าถึงโอกาสในการลงทุนที่มากขึ้นและกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
PICTET ก่อตั้งในปี ค.ศ.1805 มีประสบการณ์ด้านการลงทุนมากกว่า 200 ปี และถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารความมั่งคั่งชั้นนำระดับโลกที่การันตีด้วยรางวัลมากมายเช่นรางวัล Best Private Bank in Switzerland and Europe จาก Global Private Global Private Banking Awards มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว PICTET มีเครือข่ายและสำนักงานครอบคลุมเมืองสำคัญ 30 สำนักงานทั่วโลกในทุกภูมิภาค เพื่อให้ใกล้ชิดกับลูกค้า และครอบคลุมการลงทุนในแต่ละภูมิภาคอย่างอย่างทั่วถึง ซึ่งข้อมูล ณ พ.ค.2564 PICTET มีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1 พันคนเพื่อดูแลด้านการลงทุนโดยเฉพาะ และมีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลมากกว่า 685,000 ล้านสวิสฟรังส์หรือประมาณ 22 ล้านล้านบาท
สำหรับกองทุน BCAP-GMA เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายในต่างประเทศทั่วโลกที่มั่นคงและมีความเสี่ยงต่ำประมาณ 80% เช่นเงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้ และอีกประมาณ 20% ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนกองทุน BCAP-GMA Plus มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในต่างประเทศทั่วโลกในสัดส่วนประมาณ 75% เช่น หุ้น REITs ทองคำ และมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงประมาณ 25%
ทั้ง 2 กองทุนจะเปิดขาย IPO ระหว่างวันที่ 16 – 22 ก.ย.2564 ผ่านสาขาธนาคารกรุงเทพ และโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท และสำหรับผู้ลงทุนที่ยังไม่เคยมีบัญชีกองทุนของ บลจ.บีแคป สามารถเปิดบัญชีกองทุนผ่าน โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และซื้อกองทุน BCAP-GMA และ BCAP-GMA Plus ได้เลย
สำหรับข้อดีของการออกสองกองทุนที่มีระดับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ต่างกันคือ ลูกค้าสามารถลงทุนโดยผสมทั้ง BCAP-GMA และ BCAP-GMA Plus ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้ เช่นถ้าต้องการให้พอร์ตมีสินทรัพย์เสี่ยงประมาณ 50% ก็สามารถทำได้โดยการซื้อทั้งสองกองในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เป็นต้น ทั้งสองกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ประเภทกองทุนรวมตราสารทุน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมผสม กองทุนรวมทรัพย์สินทางเลือกและกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF)
ด้านดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บลจ.บางกอกแคปปิตอล กล่าวว่า กองทุน BCAP-GMA เหมาะสำหรับการลงทุน 3 ปีขึ้นไป โดยคาดคาดหวังผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ 2-3% ส่วน BCAP-GMA Plus ลงทุน 5 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าหรือประมาณ 75% ของพอร์ต ชนะเงินเฟ้อประมาณ 4-5% ซึ่งนักลงทุนสามารถลงทุนเป็นพอร์ตหลักและคาดหวังผลตอบแทนระยะยาว
นายริกกี้ เจีย ผู้อำนวยการธุรกิจการลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก PICTET กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าทำให้ตลาดกังวล อาจทำให้การฟื้นจัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างช้าๆ ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรลดลง ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว Outperform ตลาดเกิดใหม่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งตลาดจับตากการระบาดระลอกใหม่จะรุนแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตามมองโควิดสายพันธ์ุอาจทำใหการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ไม่ถึงกับชะงัก และตลาดพัฒนาแล้วจะมีผลงานที่น่าจะดีกว่าตลาดเกิดใหม่ เพราะมีความคืบหน้าการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน รวมถึงนโยบายทางการเงินพยุงเศรษฐกิจไปต่อได้
ส่วนนโยบายการเข้มงวดของทางการจีนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามาตรการคุมเข้มเทค อินเตอร์เน็ต ภายใต้การบริหารแบบกระจายความเจริญรุ่งแรือง มองว่าจะเป็นผลดีต่อเศรษกิจ สังคมจีนในระยะยาวต่อไป ขณะเดียวกันก็เห็นความกังวลจากความไม่แน่นอนต่ออุตสสหกรรม เช่น ภาคการศึกษาอาจต้องใช้เวลงนานกว่าจะกอบกู้มาได้ จึงมองระยะสั้นสินทรัพย์ของจีนยังมีความเสี่ยงมากขึ้น การเติบโตของหุ้นเทคน่าจะลดลง
อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจจีนโดยรวมยังแข็งแกร่งเมื่อเทียบประเทศอื่นๆ ทั่วโลก แนะนำพันธบัตรรัฐบาลจีนผลตอบแทนน่าจะสนใจกว่าตราสารหนี้หรือตลาดพัฒนาแล้ว ส่วนหุ้นเทคน่าจะค่อยลดลง แนะนำลูกค้าให้หันลงทุนตามทิศทางการกำกับนโยบายของรัฐบาลจีน เช่น หุ้นหรือบริษัทพลังงานสะอาด รวมถึง ไอที ฮาร์ดแวร์ ป้องกันแรงกดดันจากรัฐบาลจีนและควรเลือกหุ้นบริษัทที่มีคุณภาพดีมีอำนาจในการกำหนดราคา นอกจากนี้หากการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างช้าๆ รัฐบาลอาจมีการอัดฉีดเม็ดเงินลงไปเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นอื่นๆ ด้วยเช่นสหรัฐฯ และยุโรป
ติดตามข่าว หุ้นเด่นระหว่างวัน ผ่านช่องทาง Line OpenChat : https://line.me/ti/g2/wEbsUcMaP2oP45XhK3vYhQ