HoonSmart.com>> “บี.กริม เพาเวอร์” เริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าลม 16 เมกะวัตต์ ลุยธุรกิจสายส่งเวียดนาม-กัมพูชา มี IRR 12-15% คาดมีลูกค้านิคมเพิ่มอีก 15 เมกะวัตต์ จ่อปิดดีลซื้อกิจการภายในปี 64 กำลังการผลิตรวม 600-1,000 เมกะวัตต์ ดันสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเข้าเป้า 1,000 เมกะวัตต์ ส่งผลครึ่งหลังธุรกิจสดใส
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทคาดว่าธุรกิจจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากการเริ่มรับรู้โรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์(MW) ที่เพิ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปเมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งโครงการดังกล่าวจะรับรู้รายได้ปีละ 250-300 ล้านบาท
นอกจากนี้การเติบโตยังมาจากธุรกิจระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้า โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจสายส่งไฟฟ้าไปยังประเทศเวียดนาม และกัมพูชา โดยมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 12-15% รวมถึงคาดว่าจะมีลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มอีก 15 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าปริมาณขายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมเติบโต 10-15%
ส่วนแผนการเข้าซื้อกิจการ บริษัทมีแผนจะพัฒนาและซื้อกิจการ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาดเล็ก (SPP) และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม กำลังการผลิตรวมประมาณ 600-1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีหลังดำเนินการซื้อแล้วเสร็จ ส่วนเงินลงทุนสำหรับซื้อกิจการคาดว่าจะใช้ 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อ 1 เมกะวัตต์ โดยทั้งปี 2564 คาดว่าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PPA เพิ่มขึ้นอีก 1,000 เมกะวัตต์
นอกจากนี้บริษัทยังรอผลสรุปแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 8 จากทางรัฐบาลเวียดนาม ในโครงการ LNG to Power ขนาดกำลังการผลิตรวม 2,000-3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทก็น่าจะมีโอกาสเพิ่มเติมในอนาคต โดยบริษัทก็มีแผนที่จะเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม เพื่อนำเงินมาใช้รองรับการลงทุนในเวียดนามด้วย
ส่วนธุรกิจนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) บริษัทได้ใบอนุญาตนำเข้า LNG ปริมาณ 1,200,000 ตันต่อปี เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าภายในกลุ่ม ทำให้มีต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับบริษัท ปตท. (PTT) ที่จะหาแหล่งก๊าซ LNG เพิ่มเติมให้กับบริษัทฯอีกด้วย นอกจากนี้ในอนาคตมีแผนจะร่วมมือกันในการขยายตลาดต่างประเทศ ด้วยความชำนาญเฉพาะทางของทั้งคู่ คาดว่าจะทำให้มีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่ง
“เรายังคงมุ่งเน้นสร้างการเติบโต โดยการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าให้มากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2568 จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7,200 เมกะวัตต์ และเพิ่มขึ้นถึง 10,000 เมกะวัตต์ และรายได้รวมมากกว่า 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573” ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในปี 2573 บริษัทได้ตั้งเงินลงทุนรวมประมาณ 250,000-300,000 ล้านบาท รองรับการเติบโตตามแผนในปี 2564-2573 ซึ่งบริษัทได้จัดเตรียมแผนควบคุม และจัดการเงินลงทุนให้มีความเหมาะสมกับการลงทุนต่างๆมากที่สุด บริษัทมีการศึกษาถึงการใช้เครื่องมือทางการเงินต่างๆ ทั้งในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ และการออกตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) หรือการออกสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) รวมถึงการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน มองว่ายังไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มทุน โดยบริษัทพยายามควบคุมอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E )ไม่เกิน 3 เท่า