HoonSmart.com>>บอร์ด “ชโย กรุ๊ป” ไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล เป็นหุ้นสามัญ 30 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และจ่ายปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.0018519 บาท และอนุมัติเพิ่มวงเงินเสนอขายหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 5,000 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ ผู้บริหารมั่นใจรายได้ปี 2564 โตไม่ต่ำกว่า 25%
นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป (CHAYO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Meeting) โดยจะขออนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 30 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล ไม่เกิน 31,789,573 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่าไม่เกิน 15,894,786.50 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าเท่ากับอัตราการจ่ายปันผล 0.0166667 บาทต่อหุ้น ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นรายใดมีเศษของหุ้นจากการจัดสรรปันผลดังกล่าว บริษัทจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดแทนในอัตรา 0.0166667 บาทต่อหุ้นสำหรับเศษดังกล่าว
และให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.0018519 บาท รวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายเป็นหุ้นและเป็นเงินสดทั้งสิ้นหรือคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 17,660,953 บาท โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 (อย่างไรก็ตาม สิทธิในการรับปันผลดังกล่าวข้างต้นยังมีความไม่แน่นอน จนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564)
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 พิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท 25,799,247.50 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 599,985,518 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 625,784,765.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 51,598,495 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล จำนวนไม่เกิน 31,789,573 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และรองรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W1 จำนวนไม่เกิน 12,818,221 หุ้น และรองรับการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W2 จำนวนไม่เกิน 6,990,701 หุ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W1 และใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W2 ไม่ให้ด้อยค่าไปกว่าเดิม
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังได้พิจารณาอนุมัติการเพิ่มวงเงินในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ และ/หรือตั๋วแลกเงินของบริษัท จากวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท เป็นวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ใช้ในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาบริหาร ใช้เป็นเงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้อง และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยในปีนี้ตั้งเป้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มอีก 12,000 – 15,000 ล้านบาท โดยตั้งงบลงทุนเพื่อซื้อหนี้ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีพอร์ตหนี้ที่บริหารทั้งสิ้น 65,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าหนี้ด้อยคุณภาพในระบบยังมีอยู่สูงเนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ดังนั้นสถาบันการเงินจะทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 4 ซึ่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ สถาบันการเงินจะขาย NPL ออก เพื่อบริหารตัวเลข NPL ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม