ASW ปลื้ม !!! ครั้งแรกเครดิตองค์กร BBB-

HoonSmart.com>>แอสเซทไวส์ ปลื้ม ทริสจัดอันดับองค์กรครั้งแรกระดับ BBB- แนวโน้ม “คงที่” ประเมินรายได้แตะระดับ 5-7 พันลบ.ต่อปี หนุนกำไรเติบโตได้อีก 3 ปีต่อเนื่อง และรักษาอัตราส่วนกำไรอยู่ที่ระดับเกินกว่า 20%

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์  (ASW) ผู้พัฒนาอสังหาฯ รุ่นใหม่ เติบโตด้วยกลยุทธ์ “Best Choice” เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “ BBB-” พร้อมด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต  “ คงที่ ”

เครดิตดังกล่าว สะท้อนสถานะทางการตลาดของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ตลาดคอนโดมิเนียมระดับ Main Class ไปจนถึง Upper Class ที่เป็นกลุ่มหลักของบริษัท  ปรับตัวดีขึ้น โดยโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “Kave” “Atmoz” และ “Modiz” นั้น เป็นที่ยอมรับเป็นอย่างดี ในกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย และกลุ่มคนวัยทำงาน

ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของทริสฯ ว่าบริษัทจะส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมต่าง ๆ ได้ตามแผน สร้างรายได้ที่ระดับ 5-7 พันล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2564- 2566 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากมูลค่ายอดขายรอรับรู้รายได้จำนวนมาก และแผนการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าของบริษัท

ขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้อยู่ระดับมากกว่า 20% และถึงแม้จะมีแผนการขยายธุรกิจในเชิงรุก ทริสฯ คาดว่า บริษัทจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุน ให้อยู่ที่ระดับ  50% – 55% ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนั้น สภาพคล่องมีเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

ทริส ฯ ประเมินว่า อนาคต ASW มีแผนเพิ่มโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงให้มากขึ้น และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบให้ได้ประมาณ 30% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดของบริษัท ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งทริสเรทติ้ง ประเมินว่า การเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่น ในการปรับปรุงสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดได้ และด้านรายได้ กำไรมีความผันผวนน้อยลงในอนาคต

ส่วนการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ ยิ่งเพิ่มความกดดัน แต่ช่วงครึ่งปี 2564 ASW มียอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.3 พันล้านบาท จากระดับ 2.5 พันล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดขายที่ดีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 มูลค่ายอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog)  8.1 พันล้านบาท

ยอดขายดังกล่าว  ทยอยรับรู้เป็นรายได้ 2.9 พันล้านบาท ช่วงครึ่งหลัง 2564 ,  จำนวน 2.8 พันล้านบาท ในปี 2565 และ  2.4 พันล้านบาท ในปี 2566 อีกทั้งBacklog ที่ค่อนข้างสูง น่าจะช่วยรักษาระดับกำไรของบริษัทได้ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

“การจัดอันดับเครดิตในครั้งนี้เป็นการจัดอันดับองค์กรครั้งแรก และเรทติ้งที่ได้รับจะส่งผลดีต่อภาพรวมและความน่าเชื่อถือของบริษัทฯในการจัดหาแหล่งทุนที่มีต้นทุนต่ำเพิ่มเติมในอนาคต เพิ่มศักยภาพการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี” นายกรมเชษฐ์กล่าว ในที่สุด