บล.หยวนต้า ฯ เคาะเป้า APURE 13.40 บาท คาด Q3 กำไร 110 ล้านบ.

HoonSmart.com>>บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เคาะเป้า APURE  12 เดือน 9-13.40 บาท คาดไตรมาส 3/64  ไม่มีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน เหมือนไตรมาสแรก  ดันกำไรทะยานสู่ 110 ล้านบาท โต 43% ทั้งปีมองกำไร 390 ล้านบาท  โต 22% มองการเติบโตสูงอีก 1 ปี อย่างน้อย คาดการณ์ปี 2565 กำไร 580 ล้านบาท รับรู้รายได้ลูกค้าใหม่เต็มปี 

Event

@@@ จากการเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหาร บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ ( APURE )  ทำให้เข้าใจภาพการเปลี่ยนแปลงช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มการเติบโต หลังจากนี้มากขึ้น

บริษัท ฯ มีจุดเปลี่ยนสำคัญ คือ การได้ลูกค้าใหม่ในยุโรปและสหรัฐเพิ่มขึ้น รายได้จากเดิมอีก 50-70% , การควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้นต่อเนื่อง และการออกสินค้าใหม่ เช่น ข้าวโพดหวานแช่แข็ง แม้ปีนีจะถูกกระทบจากปัญหาด้านการขนส่ง แต่ผู้บริหารยังคาดหวังการเติบโตสูง เพราะลูกค้ามีการส่งซื้อล่วงหน้าไปจนถึงต้นปี 2565 สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งกว่าปกติ

@@@ เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ แต่ถ้าอิงจากคาดการณ์ของผู้บริหาร  คาดกำไรต่อหุ้นปี 2564-2565 (อิงจำนวนหุ้น 958 ล้านหุ้น) จะอยู่ที่ 0.41-0.61 บาท/หุ้น ราคาปัจจุบันคิดเป็น Forward PER ที่ 22 เท่า และ 15 เท่า ตามลำดับ ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังของกลุ่มเกษตรและอาหารอยู่ที่ 22 เท่า

Our Take

@@@ APURE เป็น Holding Company ที่ลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมใน 7 บริษัท ที่ประกอบธุรกิจ เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร โดยโครงสร้างรายได้แบ่งเป็น ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง 80%, ข้าวโพดหวานบรรจุถุงสูญญากาศ 9%, ผักและผลไม้สด 5%, เมล็ดพันธ์ุและอื่น ๆ 6%

@@@ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นภาคเอกชนและรัฐบาลในต่างประเทศ โดยสัดส่วนรายได้มาจากการส่งออกสูง ถึง 91% เหลือขายในประเทศเพียง 9% จึงเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งปีนีอ่อนค่ามาแล้ว 11% YTD และในส่วนของสัญญาซื้อขาย บริษัทจะมีการล็อคราคาและปริมาณกับลูกค้าทุกราย เป็นเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี โดยลูกค้ากว่า 90% รับภาระค่าขนส่งเองทั้งหมด จึงทำให้ความผันผวนของรายได้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับต่ำเพียง 9% ของค่าเฉลี่ย

@@@ การจัดหาวัตถุดิบแบบ Contact Farming กับเกษตรกรในจังหวัดกาญจนบุรี บนพื้นที่  20,000 ไร่ โดย 1 ไร่ สามารถปลูกได้ 2.5-3.0 ตันต่อคอร์ป และในรอบ 1 ปีสามารถปลูกได้ 4 คอร์ป ถ้าปลูกเต็มพื้นที่ และได้ Yield ดี คือ 1 ไร่ได้ 3 ตันต่อคอร์ป และได้เนื้อข้าวโพด 39%-40% จะทำให้ได้ผลผลิต 240,000 ตัน/ปี  แต่ถ้าเป็นปีที่ Yield ลดลง จากสภาพอากาศแปรปรวน จะได้ผลผลิต 200,000 ตัน/ปี

@@@  ข้าวโพดหวานจะโตดี และออกผลผลิตเร็วในอากาศร้อนชื้น  ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดหวานอันดับ 1 ของโลก

@@@  จุดเปลี่ยนของ APURE มี 3 ปัจจัย

(1) ปรับเปลี่ยนทีมบริหาร ซึ่งเข้ามาเพิ่มประสิทธิการผลิต และหาลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ ทำให้กำไรสุทธิ ยกตัวขึ้นเกินระดับ 100 ล้านบาทต่อปี มาตั้งแต่ปี 2559 ก่อนจะมาสะดุดเล็กน้อยปี 2562 (กำไรสุทธิเหลือ 29 ล้านบาท) จากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และเงินบาทที่แข็งค่ากว่า 8% YoY

(2) ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในกลุ่มสหภาพยุโรป จากการชนะคดีกรณีทุ่มตลาด
ทำให้อัตราภาษีนำเข้าลดลงจาก 13% เหลือ 3% ซึ่งเป็นระดับที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งท้องถิ่นได้

(3) ได้ลูกค้ารายใหญ่ระดับโลก ทั้งหน่วยงานราชการและภาคเอกชน เช่น วอลมาร์ท ซึ่งผลจากข้อ (2) และ (3) ทำให้สัดส่วนกลุ่มลูกค้าจากยุโรปและสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 50% จากปีก่อนมีเพียง 20% ขณะที่มูลค่าของตลาดเอเชีย ยังทรงตัวในระดับ 1,500-1,600 ล้านบาทต่อปี ไม่เปลี่ยนแปลง

@@@  เราคาดกำไรสุทธิ 3Q64 ที่  110 ล้านบาท โต 28% QoQ และ 43% YoY เพราะลูกค้าเริ่มจัดหาเรือมารับสินค้าได้มากขึ้น  (450-500 ต้ต่อเดือน จาก 350-400 ตู้ต่อเดือนใน 1H64 ) และคาดว่าจะไม่มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเหมือน 1H64 ที่ราว -30 ล้านบาทต่อไตรมาส เพราะเงินบาทผันผวนน้อยลง …. คาดกำไรทั้ง ปี 2564 ที่ 390 ล้านบาท โต 22% YoY

@@@ โมเมนตัมเชิงบวกยังคงอยู่หรือไม่? ถ้าอิงจากจุดเปลี่ยน ในการได้ตลาดใหม่ ทั้งยุโรปและสหรัฐ ที่เพิ่งเห็นผลใน  2Q64 ทำให้กำไรสุทธิปี 2565 ยังมีโอกาสเติบโตสูงอีก 1 ปี เป็นอย่างน้อย (เราคาด 580 ล้านบาท โต 49% YoY) เพราะเป็นปีที่รับรู้รายได้จากกลุ่มลูกค้าใหม่เต็มปี และเป็นระดับที่เกิด Economy of scale จากการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ อีกทั้งคาดว่า อุปสรรคจากการขนส่งทางเรือ จะคลายตัวลงกว่าปีนี้  และยังมีแรงหนุนเพิ่มเติม จากการขยายตลาดข้าวโพดแช่แข็งในยุโรป ซึ่งผู้บริหาร คาดว่าจะเพิ่มรายได้อีกราว 600 ล้านบาทต่อปี หรือ 25% ของคาดการณ์รายได้ปี 2564

@@@  ความเสี่ยง – ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และค่าเงิน รวมถึงสภาพอากาศที่อาจกระทบต้นทุน